เปิดตัวจากเมืองจีนไปไม่นาน Huawei Thailand ก็นำเข้า HUAWEI FreeLace Pro เข้ามาขายในประเทศไทย โดยมาในรูปแบบของหูฟังออกกำลังกาย ที่สามารถใช้คล้องคอไปไหนมาไหนได้ (Neckband) และเนื่องจากเป็นรุ่นโปรจึงมีการอัปเกรดจากรุ่นแรกเยอะพอสมควร จุดเด่นเริ่มตั้งแต่ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 14.2 มิลลิเมตร, ระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancellation) ที่มาพร้อมกับไมค์ 3 ตัว และสุดท้ายเลยคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน 22 ชั่วโมง
HUAWEI FreeLace Pro
หูฟังในตระกูล HUAWEI Audio เปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ FreeBuds Pro, FreeLace Pro (ตัวที่พรีวิว), FreeBuds Studio และ Gentle Monster II โดยสำหรับ FreeLace Pro จะเป็นหูฟังไร้สายเกรดพรีเมี่ยม (เนื่องจากมีคำว่าโปร) ทำให้น่าจับตามองมากกว่าหูฟังทั่วไป ถึงจะมีหน้าตาดูธรรมดาขนาดนี้แต่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์มากมาย ยกตัวอย่างเช่น Latency ที่ต่ำเพียง 150ms หรือ ลดเสียงรบกวนได้ 40 เดซิเบล เพียงเท่านี้ก็แยกความต่างของรุ่นโปรออกมาได้แล้ว
สเปกและคุณสมบัติ
- ไดรเวอร์ไดนามิก 14.2 มม.
- บลทูธ 5.0 (รองรับการเชื่อมต่อ HUAWEI HiPair)
- ไมค์คู่พร้อมระบบตัดสียงรบกวน (ไมค์ 3 ตัวตัดเสียงรบกวนสำหรับการโทร)
- ความจุแบตเตอรี่ 150 mAh
- ระยะเวลาใช้งาน 22 ชั่วโมง
- ระยะเวลาชาร์จ 1 ชั่วโมง (รองรับชาร์จเร็ว HUAWEI HiPair)
- กันน้ำมาตรฐาน IP55
- ความยาวทั้งหมด 862.4 มม.
ความยาวสาย 814 มม.
น้ำหนัก 34 กรัม - สี Graphite Black, Spruce Green, Dawn White
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- หูฟัง HUAWEI FreeLace Pro
จุกหูฟัง 3 ขนาด (เล็ก, กลาง, ใหญ่)
สายชาร์จ USB-C
คู่มือการใช้งาน
รายละเอียดด้านความปลอดภัย
ใบรับประกัน
ถึงแม้ว่าหูฟัง HUAWEI FreeLace Pro จะสามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ แต่จะดีที่สุดหากใช้ร่วมกับอุปกรณ์ HUAWEI ด้วยกันเพราะว่าสามารถใช้งานฟีเจอร์ HUAWEI HiPair ที่เชื่อมต่อสองอุปกรณ์พร้อมกัน และเพียงแค่กดสวิตช์สองครั้งก็จะกลับไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อล่าสุด เหมือนกับฟังเพลงผ่าน Tablet แล้วมีคนโทรเข้า Smartphone ก็สามารถสลับสับเปลี่ยนกันได้เลย รวมถึงลดค่าความหน่วงระหว่างเล่นเกมให้เหลือ 150 ms เมื่อใช้งานร่วมกับ EMUI 9.1 หรือใหม่กว่า
วัสดุโดยรวมทำออกมาได้ดี ตรงช่องหูฟังมีจุกยางมีขอเกี่ยว สามารถใส่ออกกำลังกายไม่หลุดง่าย ตัวหูฟังเป็นระบบแม่เหล็กใช้คล้องคอได้ และเมื่อสัมผัสกันก็จะเป็นการหยุดการใช้งานทันที (ประหยัดแบตเตอรี่) การควบคุมจะผสมผสานระหว่างปุ่มกดและระบบสัมผัส (แตะเพื่อฟังเสียงรอบข้างได้) ส่วนการชาร์จง่ายเพราะเป็นสายชาร์จ USB-C ในตัวเลย หากใช้สมาร์ตโฟน HUAWEI ก็สามารถใช้คุณสมบัติ HUAWEI HiPair เสียบเพื่อชาร์จเร็วและสามารถ Pair ได้อย่างรวดเร็ว
HUAWEI HiPair
สิ่งที่ชอบใน HUAWEI HiPair คือสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อหรือชาร์จแบตเตอรี่หูฟัง สามารถดูสถานะและแบตเตอรี่โดยไม่ต้องลงแอปพลิเคชันเพิ่มเติม เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Huawei ก็จะทำให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น สลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ง่ายดาย ตอนเล่นเกมก็สามารถลดดีเลย์ได้ค่อนข้างเยอะ นอกเหนือจากนี้คือคุณสมบัตพื้นฐานอย่างการฟังเพลง หรือการสนทนาอันนี้สามารถใช้งานได้สมบูรณ์ 100% ไม่มีเรื่องให้หงุดหงิดกวนใจ
สไตล์เสียงที่ได้เบสหนักฟังสนุก ให้รายละเอียดที่ชัดถึงแม้จะไม่ลึกมากก็ตาม มีเสียงนักร้องในโทนที่อ่อนหวานฟังสบาย เพราะกับการใช้ฟังเพลงทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่ไม่ได้เน้นย่านเสียงใดเสียงหนึ่งเฉพาะทาง เสียงดนตรีแต่ละย่านแยกกันชัดเจน แถมด้วยความที่มันสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ (Noise Cancelling) ยิ่งทำให้ฟังเสียงได้คมชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมด้วยระยะเวลาแบตเตอรี่จึงเหมาะกับการพกพาไปทุกที่ ถึงแบตหมดก็ชาร์จได้ง่ายและเต็มเร็ว
ข้อดี
- พกพาง่าย น้ำหนักเบา
- ระบบตัดเสียบรบกวน ANC
- ใช้งานได้ 22 ชั่วโมง ชาร์จง่ายและเร็ว
ข้อเสีย
- การควบคุมลำบากไปนิด
สรุป
หูฟังขนาดพกพาที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่การที่เป็นแบบ In-ear อาจทำให้สวมใส่ลำบากไปหน่อย และไม่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน (ขึ้นอยู่กับสรีระหูด้วย) และหากเทียบกับราคาถือว่าคุณภาพเกินคุม ด้วยราคาเพียง 2,999 บาท ได้ทั้งคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น IP55 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่านทาง USB-C ที่ใช้งานได้ยาว 22 ชั่วโมง (มีระบบชาร์จเร็ว) และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่ยกระดับการฟังเพลงไปอีกขั้น