เปิดตัวกันแล้วกับ HONOR Band 7 สมาร์ตวอตช์สุดคุ้ม ที่มีจุดเด่นวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) รวมถึงโหมดออกกำลังกาย 96 รูปแบบ มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ 1.47″ คมชัดด้วย AMOLED รอบรับการแสดงผลตลอดเวลา (Always-on Display) พร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน 14 วัน
HONOR Band 7
สุดคุ้มกับ HONOR Band 7 ด้วยราคาเปิดตัวเบา ๆ เพียงแค่ 1,690 บาท รุ่นนี้จัดเต็มด้วยเซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ในสมาร์ตวอตช์ราคาประหยัด และถึงแม้ว่าจะชื่อ HONOR แต่คือสามารถใช้กับสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่นได้ ผ่านแอปพลิเคชัน HONOR Health ที่รองรับทั้ง Android และ iOS นั่นเอง
การออกแบบบ HONOR Band 7 เป็นแบบลูกครึ่งระหว่างสมาร์ตวอตช์และสมาร์ตแบนด์ คือมีขนาดคล่องตัวเหมาะสำหรับออกกำลังกาย แต่ก็ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะที่ใช้ร่วมกับสมาร์ตโฟนได้ดี การออกแบบมีกระจก 2.5D โค้งเล็กน้อยพอสวยงาม ส่วนสายมีให้เลิอกเป็นดำล้วน สีชมพูอ่อน และสีลูกครึ่งขาวเขียว (ตัวที่รีวิว) แหวกแนวไม่ซ้ำใครดี
การชาร์จนาฬิกาเป็นสายแบบแม่เหล็กเฉพาะทาง (USB Type-A) โดยไม่ได้มีอะแดปเตอร์แถมมาให้ ตามมาตรฐานของสินค้าไอทียุคใหม่ ส่วนระบบการล็อคเป็นเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป ข้อดีคือเรียบง่ายลูกเล่นไม่เยอะ แต่ก็ยังคงให้ความแข็งแรงไม่หลุดแน่นอน การเปลี่ยนสายไม่แน่ใจว่าทำได้หรือไม่ แต่ผู้รีวิวลองแกะดูแล้วทำไม่ได้เลย
ตัวน้ำหนักของนาฬิกาคือเบามากเพียง 29 กรัม (รวมสาย) ตัวเรือนไม่ได้มีความหนาอะไรมาก ทำให้สามารถสวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งตอนอาบน้ำและตอนนอนได้แบบไม่อึดอัด ตัวหน้าจอเป็น AMOLED สู้แสงได้เป็นอย่างดี กับขนาดจอ 1.47″ ความละเอียด 194 x 368 พิกเซล รองรับการกันน้ำมาตรฐาน 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
จุดเด่นนอกจากหน้าจอที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ ก็คือโหมดออกกำลังกายที่ให้มากถึง 96 โหมด ในขณะที่สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 14 วัน และยังเก็บข้อมูลการออกกำลังกายได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจวัดอ็อกซิเจนในเลือกได้ตลอดวัน และสามารถแจ้งเตือนได้หากมีอัตราอ็อกซิเจนในเลือดต่ำ เหมาะกับช่วงโควิดเป็นอย่างยิ่ง
ขนาดเมื่อเทียบกับข้อมือนางแบบถือว่ากำลังพอดี แม้ว่านางแบบจะมีข้อมือขนาดเล็ก แต่ทั้งนี้หากเป็นผู้ชายก็สามารถสวมได้เหมือนกัน และแม้จะมีสายเพียงขนาดเดียวให้ใส่ก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าน่าจะครอบคลุมการใช้งานของคนส่วนใหญ่ และด้วยราคาที่มันไม่ได้แพงอะไรมาก จึงไม่จำเป็นต้องสวมเคสหรือติดฟิล์มอะไรให้วุ่นวาย เลอะก็เพียงแค่ล้างน้ำได้เลย
การใช้งานสามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดวัน เชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth 5.2 และสามารถส่งสัญญาณเตือนถึงผู้สวมใส่ได้ทันที เมื่อตรวจจับได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจนั้นผิดปกติ ตรวจวัดการนอนตลอดทั้งคืน ติดตามรอบเดือน (ผู้หญิง) และมีการวัดความเครียด เรียกได้ว่าทำได้ครบถ้วนทุกอย่างภายในเครื่องเดียว
การเชื่อมต่ออื่น ๆ ยังถือว่าทำได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเพลง การสั่นแจ้งเตือนตอนคนโทรเข้า (แต่ใช้รับสายสนทนาไม่ได้นะ) การดูสภาพอากาศที่ดึกมาจากมือถืออีกที และอีกอย่างที่ชอบคือการรับการแจ้งเตือน จากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ภายในเครื่อง รองรับการอ่านข้อมูลภาษาไทย ทำให้บางครั้งไม่ต้องหยิบมือถือมาดูก็สะดวกไปอีกแบบ
HONOR Health
ข้อมูลบางส่วนสามารถดูได้จากนาฬิกา แต่ถ้าอยากดูละเอียดต้องผ่านแอปพลิเคชัน HONOR Health แปลภาษาไทยได้สมบูรณ์ 100% มีการจัดข้อมูลเป็นหน้าเพื่อให้เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสรุปด้านสุขภาพ การเลือกโหมดออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีหน้าปัดให้เลือกโหลดแบบเยอะมากมาย เปลี่ยนได้แบบไม่มีเบื่อกันทีเดียว
ตัวนาฬิกาไม่ได้รู้สึกว่ามันแก่หรือดูเป็นสายกีฬาจ๋าแต่อย่างใด สามารถแต่งตัวเข้าได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับการสวมนาฬิกาเรือนหนึ่ง ซึ่งก็ตรงกับแนวคิดของมันที่ออกแบบมาเพื่อสวม 24 ชั่วโมง (ติดตามสุขภาพ) ตัวเรือนมีน้ำหนักเบาสวมแล้วไม่อึดอัด และเพิ่มความสวยได้ด้วยการแสดงผลตลอดเวลา (Always-on Display) แลกกับแบตเตอรี่ที่ลดลงนิดนึง
ข้อดี
- หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.47″
- โหมดออกกำลังกาย 96 โหมด
- แบตเตอรี่อึดสูงสุด 14 วัน
- ราคาไม่แพง
ข้อเสีย
- มีสายแถมขนาดเดียว
- เปลี่ยนสายยาก (หรืออาจทำไม่ได้ ?)
- ลงแอปพลิเคชันเพิ่มไม่ได้
สรุป
หากให้สรุปรีวิวของ HONOR Band 7 คงเป็นเรื่องของราคา 1,690 บาท แต่มีจุดแข็งในเรื่องของสุขภาพ วัดระดับออกซิเจนในเลือด, ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ตรวจวัดการนอนหลับ, วัดระดับความเครียด, ฯลฯ เพียงเท่านี้ก็คุ้มกับราคาที่จ่ายไปแล้ว ต่อให้คุณไม่ได้เป็นสายออกกำลังกายขั้นสูงเองก็ตาม แบตเตอรี่โหมดประหยัด 14 วัน แต่ถ้าใช้งานเต็มที่ก็ 10 วัน
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial