กระแสแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆกับ Zenfone รุ่นแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและความคุ้มค่า (แบบว่าราคานี้สเปคนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว) ปีนี้ ASUS ต่อยอดความสำเร็จด้วยการส่งรุ่นใหม่ออกมา ในสเปคที่ดีกว่า แรงกว่า คุ้มค่ากว่า (และซอยรุ่นเยอะกว่า) นั่นก็คือ ASUS Zenfone 2
ASUS Zenfone 2 – Full Specifications
DESCRIPTION | ASUS Zenfone 2 – ZE551ML |
Processor | Intel® Atom™ Processor Z3580 Quad Core 2.3GHz 64-bit |
Operating System | Android™ 5.0 Lollipop |
GPU | PowerVR Rogue G6430 |
Display | • Size: 5.5″HD (1080 x 1920 pixel) IPS • Type: Capacitive touchscreen, 16M colors, 10-point multitouch • Gorilla Glass 3 • 60ms Touch Response |
Wifi | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, hotspot |
Bluetooth | v4.0, A2DP, EDR |
NFC | Yes |
Dimensions (W x T x H) | 152.5 x 77.2 x 10.9 mm (6.00 x 3.04 x 0.43 in) |
Weight | 170 g (6.00 oz) |
Audio | 1x speaker, 3.5mm audio jack |
Memory | • RAM: 4GB • ROM: 32GB • MicroSD Option: Up to 64GB |
Battery | • Type: Non-removable Li-Po 3000 mAh battery (รองรับ Fast Charging) |
Integrated Camera | • Rear: 13 MP, 4128 x 3096 pixels, autofocus, dual-LED (dual tone) flash • Front: 5MP auto-focus |
SIM | 2 SIM (Micro SIM) Dual-Standby รองรับ 3G ทุกเครือข่าย และ 4G Band 3/8/28 LTE CAT4 |
Sensors | Accelerometer, gyro, proximity, compass |
ตัวที่เรานำมารีวิวเป็นรุ่น top สุดของ Zenfone 2 เลยครับ ด้วยสเปคที่คุ้มขนาดนี้ตอนนี้ยอดขายทล่มทลาย ตอนนี้ทะลุ 1.5 ล้านเครื่องไปแล้วเรียบร้อย เย้ ๆ
Design
แกะฝาหลังออกมาจะเจอลำโพง เสียงที่ออกมาถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ไม่ขนาดดีมาก
ช่องใส่ Sim แบบ MicroSIM ช่องเบอร์ 1 จะรองรับ 2G/3G/4G ครบ แต่เบอร์ 2 รองรับแค่ 2G และสุดท้ายแบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนไม่ได้
[divider]
Camera
เด็ดที่สุดที่ ASUS อวดนักอวดหนาคงจะหนีไม่พ้นเรื่องกล้อง ที่เก็บแสงตอนแสงน้อยได้ดีขึ้น หลังจากที่รุ่นแรกตกม้าตายเพราะ WB และคุณภาพรูปที่ไม่ดีเท่าที่ควรนัก และ Zenfone 2 ก็ทำได้ดีกว่ารุ่นที่แล้วมาก กล้องหลังความละเอียดเพิ่มเป็น 13MP F2.0 พร้อม dual tone flash เซนเซอร์จาก Toshiba ประกอบด้วยเลนส์ 5 ชิ้น และขุมพลังจาก PixelMaster 2.0 ที่เก็บแสงได้มากกว่าเดิม เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ไปดูรูปตัวอย่างดีกว่า
รูปนี้ถ่ายในสภาพแสงที่สลัว ๆ มีไฟเวทีเปิดวับ ๆ แวม ๆ ยังได้ความเร็วชัดเตอร์ที่สูง แถมภาพสว่าง
กล้องที่มี F2.0 ทำให้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้สวยทีเดียว
Mode Super Resolution ทำให้ Zenfone 2 ถ่ายรูปได้ที่ความละเอียด 52MP (ใช้ Software ช่วย)
ตัวอย่างรูปจาก Mode Super Resolution ซูมให้ดูรายละเอียดด้านบน
ภาพนี้ถ่ายโดยการไม่เปิด Low Light Mode เห็นว่าสภาพแสงมืดขนาดไหน
หลังจากนั้นเราลองเปิด Low Light Mode ดู จะเห็นได้ว่าภาพสว่างขึ้นทันตาเห็น แต่ภาพจะถูกลดลงเหลือ 3MP เท่านั้น
ตอกย้ำความเก่งกาจด้วยโหมด Manual สามารถปรับได้ละเอียดเกือบเหมือนกล้องโปร
สาวกเซลฟี่ไม่ต้องน้อยใจไปครับ เพราะ Zenfone 2 โหมดปัดแก้ม โบ๊ะหน้าให้สวยฟรุ้งฟริ้ง เลือกปรับได้ด้วยว่าจะศัลยกรรมจุดไหนบ้าง
จนทำให้ผู้ชายสวยจนเป็นผู้หญิงได้…แบบนี้
ถามว่า ข้อเสียของกล้อง Zenfone 2 มีมั้ย ตอบได้เลยว่า …มีครับ
แม้จะให้กล้องความละเอียดมาสูงถึง 13 ล้านพิกเซลก็ตาม แต่พอเอามาดูในจอใหญ่ๆหรือซูมดูสุดๆเราจะเห็นว่า คุณภาพของรูปไม่ได้สวยเหมือนภาพรวม แต่จะเละ ๆ เบลอ ๆ เหมือนสีน้ำมันอย่างที่เห็น
[divider]
User Interface & Experience
Zenfone 2 ถูกครอบมาด้วย ZenUI รุ่นใหม่ เน้นความเรียบง่ายมากขึ้น จะดูสะอาดตากว่ารุ่นแรก ๆ
Lockscreen และ Notification แบบ Lollipop ปาดสองทีจะได้ Quick Setting
หน้า Home มี Apps drawer สามารถเรียงไอค่อยและยัด Folder ได้ตามต้องการ
หน้า Home และ UI ต่าง ๆ ยังสามารถปรับแต่งได้เพิ่มอีก และมี Theme มาให้สำหรับคนขี้เบื่อ
Icon Pack ไม่ได้มีแค่ใน Theme เท่านั้น ยังสามารถโหลด icon pack จาก Google Play เพิ่มได้อีกด้วย
มาพร้อม Android 5.o Lollipop จากโรงงานเลย ไม่ต้องรออัพเดท
เรื่องเกม Zenfone 2 ไม่หวั่น ด้วย RAM 4GB ที่สามารถเปิดเกมไว้ข้างหลังเยอะ ๆ ได้แล้วกลับมาเล่นต่อได้ทันทีไม่ต้องรอโหลดใหม่ RAM 4GB มันโหดตรงนี้แหละ และก็ไม่ต้องกลัวว่ารุ่นล่าง ๆ ลงมาจะเล่นเกมได้แย่ลงนะครับ เพราะ Zenfone 2 รุ่นอื่น ๆ ใช้รุ่น GPU เหมือนกัน
Bloatware ของ ASUS รอบนี้จัดหนักกว่าเดิม คือของตัวเองก็มีอยู่แล้วยังจะไปเอาของเจ้าอื่นๆมาอีก แล้วมันก็เด้ง Notification มาน่ารำคาญมาก ๆ
ที่น่าสนใจคงจะเป็น FileManager ที่ Link กับ Cloud Service ต่าง ๆ ของเราได้ไม่ต้องเปิดหลาย ๆ แอพ และอีกอย่างคือ PhotoCollage ที่เอาไว้รวมภาพหลาย ๆ รูปไว้ในรูปเดียว
Touch Gesture – ในขณะที่เครื่องอยู่ในสถานะ Lock จอดับอยู่นั่นแหละ เราสามารถวาดนิ้วเป็นตัวอักษร W ,S ,e ,C ,Z ,V เพื่อเปิดแอพในขณะที่เครื่อง Lock ได้ทันที
Motion Gesture – ไว้สำหรับเขย่าเครื่องเพื่อ Capture หน้าจอ หรือสร้าง Task ใหม่ใน App Do it later ได้
One Hand Mode – จอใหญ่ไปใช่มั้ย เอื้อมนิ้วไม่ถึงใช่รึป่าว ไม่เป็นเราโหมดนี้จะช่วยให้คุณใช้งาน Zenfone 2 ที่จอใหญ่ ได้ด้วยมือเดียว โดยการกดปุ่ม Home 2 ทีจะเข้าสู่ One Hand Mode
Battery ที่ให้มา 3000 mAh มันเกิดใกล้หมดกลางคันทำไง เช่นออกไปนอกบ้านแล้วแบตเหลือ 15% อะไรงี้ Zenfone 2 มี Ultra-saving mode ครับ ช่วยประหยัดแบตของท่านโดนจะตัดการใช้งานที่ไม่จำเป็นและเปลืองแบตทิ้งไปให้หมด (แต่จอไม่เป็นขาว-ดำนะ)
ลืมไปไม่ได้กับ Fast Charging ของ Zenfone 2 เราได้ลองชาร์จจาก 30% ใน 1 ชม. แบตเตอรี่ขึ้นมาเกือบเต็ม 100% แล้ว
[divider]
Benchmark
Zenfone 2 รุ่น Top สุดเทสด้วย Antutu Benckmark ได้คะแนนไป 46784 คะแนน
ถือว่าเป็นคะแนนที่เยอะมากรอง ๆ Note 4 เลยทีเดียว
[divider]
ข้อดี
- เร็ว แรง เทียบชั้นกับเรือธงค่ายอื่นสบายๆ
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสเปค
- RAM ให้มาถึง 4GB สลับแอพมันส์ไม่ต้องโหลดใหม่
- หน้าจอชัดคุณภาพดี สู้แสงสบาย
- กล้องถ่ายกลางคืนได้ดี เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในระดับราคาเดียวกัน
- แบตอึด
ข้อเสีย
- ปุ่มไม่มีไฟ เล่นมืดๆต้องคลำเอา
- หนักจังเป็นพลาสติกแท้ ๆ
- Bloatware แถมมาเยอะเกินไป
- คุณภาพรูปจากกล้องยังไม่ค่อยพอใจ
สรุป
นี่คือมือถือที่คุ้มค่าตัวที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับ Zenfone 2 นี้ที่ให้แรมมาถึง 4GB การใช้งานลื่นไหลติดมือ ไม่มีกระตุก แถมได้ CPU ตัวแรงจาก Intel พร้อม GPU ที่เล่นเกมได้ทุกเกมไม่กระตุกหรือหน่วงแต่อย่างใด กล้องโดยรวมแล้วออกมาดี แต่คุณภาพยังอยู่ในระดับที่พอใจไม่ถึงกับดีมากอะไรขนาดนั้น ส่วนที่กวนใจที่สุดคงเป็น Bloatware ที่แถมมาชอบขึ้น Notification เด้งเตือนกวนใจตลอดเวลา แต่ก็นะ คงไม่มีมือถือรุ่นไหนในราคาหมื่นนิดๆที่คุ้มไปกว่า Zenfone 2 อีกแล้ว (มีรุ่นหมื่นนึงทอน 10 บาทด้วย สเปคไม่ต่างอะไรกับรุ่น Top เลยแค่ความจุน้อยกว่า)