Schneider Electric เผยแนวโน้ม Data Centers พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Galaxy VX UPS และ Gen2 Cooling with Brushless Inverter Compressor ตอบโจทย์ธุรกิจยุคไทยแลนด์ 4.0

Executive-(Large)

ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่น่าสนใจสำหรับตลาด Data Centers จากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งสนับสนุนให้เกิดการลงทุนต่างๆ ทางด้านไอทีเพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันในทุกภาคอุตสาหกรรม การเกิดขึ้นของการประมวลผลบนอุปกรณ์ปลายทาง (edge) และการได้รับความสนใจที่ล้นหลามของ IoT นำมาซึ่งแนวโน้มต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ได้แก่

  1. Hyperscale Data Centers การประมวลผลบนคลาวด์ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นรายใหญ่บนโลกอินเทอร์เน็ตเพิ่มสมรรถนะในการประมวลผลมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในรูปแบบของ Data Centers ระดับไฮเปอร์สเกล อีกทั้งความต้องการของตลาดยังเป็นแรงผลักดันให้มีการสร้าง Data Centers ให้เร็วยิ่งขึ้น เช่น การสร้างโครงการระดับ 10 ถึง 20 เมกะวัตต์ให้เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่เกินหนึ่งปี ฟังดูแล้วเป็นไปได้ยาก แต่ปัจจุบันมีโซลูชัน Data Centers สำเร็จรูป ประกอบเสร็จจากโรงงาน หรือ Prefabricated Data Center ซึ่งเราสามารถสร้างตู้ระบบจ่ายไฟ ระบบปรับอากาศ ตลอดจนพื้นที่สำหรับระบบไอที อาทิ ตู้แร็ค ได้ล่วงหน้า โดยผลิตขึ้นในโรงงาน ติดตั้งในคอนเทนเนอร์ และนำมาประกอบเรียงกัน ณ สถานที่ติดตั้งในพื้นที่ที่เราต้องการ ซึ่งให้ความรวดเร็วและควบคุมงบประมาณง่าย ที่สำคัญยังสามารถควบคุมอุณหภูมิ ช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างดี ที่สำคัญเราสามารถเพิ่มดาต้าเซ็นเตอร์สำเร็จรูปเหล่านี้ได้มากขึ้นตามความต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนมากตั้งแต่แรก
  2. การประมวลผลบนอุปกรณ์ปลายทาง (A Critical edge)
    การประมวลผล ณ จุดให้บริการ หรือ Edge Computing ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทต่างๆ มีการติดตั้งแอพพลิเคชัน และอุปกรณ์ไอทีภายนอกนอก Data Centers ของตนเอง และเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการคลาวด์รูปแบบต่างๆ แทน แนวโน้มดังกล่าวนี้เป็นการแก้ปัญหาเรื่องความล่าช้าของข้อมูล ความเพียงพอของแบนด์วิธต่อการใช้งาน รวมไปถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัย และข้อกำหนดในการจัดเก็บข้อมูล ดังนั้น การมี Data Centers มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบรวมศูนย์ขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือและความพร้อมในการทำงานเหมือนกับ Data Centers ขนาดใหญ่ ซึ่งต้องคำนึงถึง ระบบจ่ายไฟ ระบบปรับอากาศสำรอง และความสามารถในการตรวจสอบระบบได้จากระยะไกล
  3. มาตรฐาน Data Centers
    อุปกรณ์ไอทีใน Data Centers ยุคใหม่จะยึดเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ที่ส่งเสริมด้านการขยายระบบ ความน่าเชื่อถือของระบบ และการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งหนึ่งในแนวทางปัจจุบันก็คือ Open Compute Project (OCP) ที่มีการพัฒนามาตรฐานสำหรับเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และอุปกรณ์ระบบเครือข่ายและได้รับการยอมรับในวงกว้าง
  4. ลิเธียมไอออน…แบตเตอรี่แห่งยุค
    เทคโนโลยีลิเธียมไอออนมีผลอย่างมากต่อ Data Centers โดยเฉพาะในเรื่องของ UPS ที่ใช้ในการเก็บพลังงาน ซึ่งลิเธียมไอออน เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด หรือ VRLA ที่ใช้กันมานาน จะเปรียบเทียบได้ว่า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้พลังงานได้มากกว่า ในขณะที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งใช้พื้นที่เพียง 1 ใน 3 หรือน้อยกว่า (เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบ VRLA ที่ให้ปริมาณพลังงานระดับเดียวกัน) และรองรับอุณหภูมิได้สูงกว่า บริหารจัดการได้ง่ายกว่า รวมถึงการมีอายุการใช้งานที่นานกว่าด้วย เราจึงเห็นได้ว่า UPS ใน Data Centers (และในที่อื่นๆ) ได้หันมาใช้ลิเธียมไอออนกันมากขึ้น

ตามเทรนด์ที่เกิดขึ้น Schneider Electric ได้เล็งเห็นความต้องการของธุรกิจยุคใหม่และพร้อมที่จะก้าวไปพร้อมกันกับคู่ค้าและลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนใน Data Centers และในวันนี้ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ถึง 2 ตัวด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรที่ต้องการสร้างหรือขยายดาต้าเซ็นเตอร์ไปในระดับไฮเปอร์สเกล สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้ในพร้อมๆ กัน ได้แก่

Galaxy VX UPS เครื่องสำรองไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี “4-level Inverter” ที่ยกระดับความทนทานและประสิทธิภาพให้เหนือกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้าอย่างมาก ด้วยการออกแบบวงจรที่มีความเสถียร และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ มาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานขั้นเทพ 3 โหมด ทั้งในโหมดดับเบิ้ลคอนเวอร์ชั่น (Double Conversion Mode) ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง 4-level inverter ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 96% ต่อเนื่องตั้งแต่ 25% ไปจนถึง 100% load capacity, โหมดประหยัดพลังงาน ECO Mode จะช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และเหนือขึ้นไปกว่าเทคโนโลยีปัจจุบันกับ ECOnversion Mode เทคโนโลยีหนึ่งเดียวจาก Schneider Electric เป็นโหมดปฏิบัติการใหม่แบบไฮบริด ซึ่งช่วยให้ได้คุณภาพไฟฟ้าระดับเดียวกับโหมดดับเบิ้ลคอนเวอร์ชั่น ในขณะที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานระดับเดียวกับโหมดประหยัดพลังงาน การใช้งานในโหมด ECOnversion จะช่วยเปิดมิติใหม่ทางธุรกิจ คืนทุนจากระบบสำรองไฟได้ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี (เปรียบเทียบกับเทคโนโลยีก่อนหน้าในโหมดดับเบิ้ลคอนเวอร์ชั่น) ช่วยในการบริหารจัดการด้านพลังงานใน Data Centers ที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ธุรกิจที่ต้องใช้คลาวด์คอมพิวติ้ง หรือ ธุรกิจโคโลเคชั่น นอกจากนี้ Galaxy VX UPS ยังมาพร้อมกับ IoT สุดไฮเทคสามารถมอนิเตอร์สถานะและจัดการได้ง่าย ผ่านซอฟต์แวร์ StruxureWare for Data Center ของชไนเดอร์ อิเลคทริค รองรับระบบไฟ 3 เฟส สามารถเลือกแบตเตอรี่ได้ทั้งแบบลิเธียมไอออน (Li-ion) และแบบตะกั่ว-กรด (VRLA) มาพร้อมหน้าจอ LED ระบบสัมผัสแสดงผลกราฟิค

Gen2 Cooling with Brushless Inverter Compressor เทคโนโลยีระบบทำความเย็นใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาและเลือกใช้เทคโนโลยี Compressor แบบใหม่ (brushless rotor) ที่ใช้แกนแม่เหล็กแทนแกนขดลวดกับแปรงถ่าน และสามารถปรับเปลี่ยนรอบความเร็ว (variable speed inverter) ช่วยให้ Compressor ปรับการทำความเย็นตามความต้องการช่วยลดพลังงานสิ้นเปลืองลงอย่างมาก โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็น COP ให้สูงขึ้น > 15% เมื่อเทียบกับเทคโนลโลยีก่อนหน้าที่ fix speed compressor (ที่ช่วงการทำงาน 50-70% capacity) ช่วยควบคุณอุณหภูมิลมเย็นที่จ่ายให้กับ server (เทคโนโลยีก่อนหน้าจะเน้นการควบคุมลมร้อนที่ย้อนกับเข้าสู่เครื่องปรับอากาศ) นอกจากนี้ Gen2 Cooling จาก Schneider Electric มาพร้อมกับหน้าจอแบบ touch screen พร้อมความสามารถในการแสดงผลที่เหนือชั้น และเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการภายนอก อาทิ Building Management System, Data Center Infrastructure Management) ด้วย network card port ถึง 3 ports จึงมั่นใจได้ว่า Gen2 Cooling จาก Schneider Electric จะตอบโจทย์ความต้องการระบบปรับอากาศสำหรับห้อง Data Centers ที่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยประเมินจุดคุ้มทุนเพียง 2 ปี (เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี fix speed compressor)

Schneider Electric มั่นใจว่า ด้วยแรงผลักจากภาครัฐบาลในการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มตัว ทั้งในเรื่องของมาตรการส่งเสริมการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการคลาวด์และ Data Centers รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จะส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ของ Schneider Electric สามารถเสริมประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ และลดต้นทุนได้อย่างดี