ทุกครั้งที่ iPhone เปิดตัวรุ่นใหม่ มักจะมีคำถามที่ว่า ควรซื้อใหม่ไหม ? iPhone รุ่นใหม่ดียังไง ? รุ่นใหม่กับรุ่นเดิมที่ใช้อยู่แตกต่างกันยังไง ? และอีกสารพัดคำถามที่ชวนให้ปวดหัว และแน่นอนว่าเมื่อ iPhone 12 เปิดตัวก็สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อยเลย งานนี้สาวก Apple ถึงกับลังเลกันเลยว่าจะซื้อใหม่ดีไหม ทั้ง ๆ ที่บางคนเพิ่งจะถอย iPhone 11 มาเมื่อปีก่อนเอง เอาล่ะเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ เราจะมาเปรียบเทียบ iPhone 11 VS iPhone 12 ฟีเจอร์เด่น ๆ เปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลยว่าทั้งสองรุ่นนี้แตกต่างกันยังไง ควรต้องซื้อไหม หรือว่ารออดใจรอไปก่อน มาดูกัน
เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด iPhone 11 VS iPhone 12 รุ่นไหนคุ้มกว่ากัน ?
เอาล่ะเพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง iPhone 11 vs iPhone 12 ทั้งสองรุ่นนี้มีความแตกต่าง หรือความเหมือนกันยังไง เราจะเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัดเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ควรแก่การกวักเงินไปซื้อหรือไหม
การออกรุ่นต่าง ๆ ของ iPhone 11 VS iPhone 12
สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเจนสุด คือ จำนวนรุ่นของ iPhone 11 และ iPhone 12 ที่ Apple เปิดตัวออกมาวางขายไม่เหมือนกัน โดย iPhone 11 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max ส่วน iPhone 12 จะมีรุ่นให้เลือกมากกว่า ซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ ได้แก่ iPhone 12, iPhone 12 Mini, iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max
ดีไซน์การออกแบบ
ถ้ามองผิวเผิน iPhone 11 กับ iPhone 12 ดีไซน์จะดูคล้าย ๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดีไซน์ iPhone 12 ตัวเครื่องจะเป็นทรงเหลี่ยมคล้ายกับ iPhone 4/5 ขณะที่ iPhone 11 ตัวเครื่องขอบจะออกมน ๆ หน่อย ซึ่งทำให้จอแสดงผล iPhone 12 จะกว้างมากกว่า นอกจากนี้แล้วหน้าจอ iPhone 12 ยังเคลือบด้วย Ceramic Shield ทนต่อการตกกระแทกได้ดีกว่าเดิม 4 เท่า และจุดเด่นอีกอย่างดีไซน์ iPhone 12 คือ ตัวเครื่องจะเบากว่า 11% เล็กกว่า 15% และเบากว่า 16%
จอภาพการแสดงผล
จอภาพ คือ จุดที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจนสุด ๆ ซึ่ง iPhone 12 ใช้จอภาพ Super Retina XDR มีเทคโนโลยีจอภาพ OLED ความละเอียดจอภาพ 2532 x 1170 พิกเซล มีความหนาแน่นพิกเซลอยู่ที่ 460 ppi
อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ส่วน iPhone 11 ใช้จอภาพ Liquid Retina HD มีเทคโนโลยีจะเป็น IPS ความละเอียดจอภาพ 1792 x 828 พิกเซล มีความหนาแน่นพิกเซล 326 ppi อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,400:1 สเปกตามนี้ก็จะเห็นได้ว่า iPhone 12 ชนะเลิศ มีจอภาพที่โดดเด่น ภาพสวยคมชัดมาก ๆ และยังเพิ่มแสงสว่าง
ให้มองเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้จะอยู่ในที่มืดหรือกลางแจ้งก็ตาม จากข้อมูลที่เราเปรียบเทียบให้นั้น จะเฉพาะ iPhone 11 VS iPhone 12 เท่านั้น ไม่นับรวมรุ่นย่อย ๆ ของทั้งสองรุ่นนี้
ชิปประมวลผล
แน่นอนเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone 12 ก็ต้องใช้ชิปประมวลผลที่ใหม่สุดและดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในการออกรุ่นใหม่ ๆ สำหรับ iPhone 11 จะใช้ชิป A13 Bionic แต่ในขณะที่ iPhone 12 จะใช้ชิป A14 Bionic ถ้าถามว่าแตกต่างกันยังไง ต้องบอกว่า ชิปเซ็ต A14 Bionic ได้ถูกพัฒนาเทคโนโลยีชิปให้มีขนาดเล็กที่สุด เพียงแค่ 5 นาโนเมตรเท่านั้น ใช้แกนประมวลผลแบบ 6-core ส่วน Graphic Engine จำนวน 4 Core ที่ได้ผ่านการทดสอบความเร็วในการใช้งานกับ iPhone 11 มาแล้ว ทำให้เห็นได้ว่า iPhone 12 จะทำงานได้ค่อนเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า ยังสามารถประมวลผลข้อมูลการใช้งานต่าง ๆ ได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที ถือว่าเร็วมาก ๆ และนี่ก็คืออีกหนึ่งความแตกต่างระหว่าง iPhone 11 VS iPhone 12
กล้องถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอ
จริง ๆ ถ้าพูดถึงความแตกต่างกล้องถ่ายรูป iPhone 11 VS iPhone 12 แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดของภาพ ทั้งสองรุ่นนี้ยังคงใช้เป็นกล้องหลังคู่ที่มีความละเอียด 12MP ทำงานคู่กับเลนส์ Ultra-Wide Angle แต่สิ่งต่างกันคงจะเป็นขนาดรูรับแสงของเลนส์ Wide Angle ถ้าเป็น iPhone 11 รูรับแสงขนาด f/1.8 แต่ถ้าเป็น iPhone 12 รูรับแสงขนาด f/1.6 ซึ่งความต่างเล็กน้อยตรงนี้ล่ะ ที่ทำให้กล้องถ่ายรูป iPhone 12 ได้เปรียบมานิดนึง เพราะช่วยทำให้รับแสงได้ดี ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ดีมาก ๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด คือการถ่ายวิดีโอ ซึ่งรุ่น iPhone 12 จะเพิ่มฟีเจอร์ ถ่ายวิดีโอแบบ HDR Dolby Vision ได้สูงสุด 30fps ช่วยทำให้ภาพทุกช็อตมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น แถมด้วยฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่าง Apple ProRAW ที่ใช้ทั้งถ่ายวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอ เล่นวิดีโอ และยังสามารถแชร์วิดีโอได้เลย โดยแอปรูปภาพ , iMovie และ Clips ใน iPhone 12 ซึ่งจะรองรับการตัดต่อวิดีโอบนได้ ทำให้ไม่ต้องไปโหลดแอปอื่น ๆ มาเพิ่ม และยังได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์ Time-lapses แบบ Night mode ช่วยให้ถ่ายภาพกลางคืน หรือบริเวณที่มีแสงน้อยได้ดีกว่า มองรวม ๆ แล้ว iPhone 12 ก็เหนือกว่า iPhone 11 มานิดขึ้นก็ตรงนี้ล่ะ
ระบบกันน้ำกันฝุ่น
iPhone ทั้งสองรุ่นนี้มีระบบกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐานระดับ IP68 แต่ถ้าถามว่ารุ่นไหนจะอึดและกันน้ำได้ลึกมากกว่ากันก็ต้องยกให้กับ iPhone 12 จะกันน้ำได้อยู่ที่ความลึกกว่าประมาณ 6 เมตร ซึ่งถ้าเป็น iPhone 11 จะกันน้ำความลึกได้แค่ 2 เมตรเอง
แบตเตอรี่และการชาร์จ
หากเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้งาน iPhone ทั้งสองรุ่นจะพอ ๆ กัน แม้ว่า iPhone 12 มีแบตเตอรี่น้อยกว่า iPhone 11 แต่ประสิทธิภาพการใช้งานไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ซึ่งจะสามารถรับชมวิดีโอได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานวิดีโอผ่านการสตรีม iPhone 12 จะใช้งานได้นาน 11 ชั่วโมง ในขณะที่ iPhone 11 ใช้งานได้แค่ 10 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไว และชาร์จไร้สายได้ แต่ความพิเศษจะอยู่ที่ iPhone 12 จะรองรับการชาร์จไร้สายเร็วแบบ MagSafe ได้อีกด้วย
การรองรับการใช้งาน 5G
การเปิดตัว iPhone 12 ต้องบอกว่าถูกใจสาวก iPhone อย่างแน่นอน เพราะ iPhone 12 ทุกรุ่นรองรับการใช้งาน 5G เป็นแบบ sub-6 GHz ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นแรกของ iPhone เลยล่ะ นอกจากนี้แล้วยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS ได้อีกด้วย
สรุปภาพรวม iPhone 11 VS iPhone 12
จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้สรุปมาให้คร่าว ๆ ก็พอจะมองออกแล้วว่า iPhone 11 VS iPhone 12 มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่ง iPhone 12 จะมีปรับโฉมดีไซน์กลับไปใช้เป็นขอบโค้งมนเหมือนครั้งที่เปิดตัว iPhone 4 ใหม่ ๆ ตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียมครอบด้วยกระจก Ceramic Shield ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น ตัวเครื่องยังมีบางที่สุดและน้ำหนักเบา กันน้ำระดับ IP68 ทนความลึก 6 เมตร อีกทั้งยังได้พัฒนากล้องถ่ายรูปและวิดีโอให้ภาพสวยมากขึ้น รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe และยังสามารถรองรับการใช้งานแบบ 5G ได้อีกด้วย
จากการอ่านข้อมูลที่ได้สรุปเปรียบเทียบแบบหมัดต่อหมัด iPhone 11 VS iPhone 12 กันไปแล้ว พอที่จะสรุปกันได้ไหมว่าควรต้องซื้อใหม่ดีไหม คงจะตอบยากหน่อย เพราะต้องคุณอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน เอาอย่างนี้ถ้าไม่ติดเรื่องงบประมาณก็ซื้อ iPhone 12 ใช้ได้เลย หรือถ้าอยากได้โทรศัพท์ใหม่แล้วมองว่าราคาอาจจะสูงไปสักนิดลองเลือกเป็นรุ่น iPhone 12 mini จะช่วยเซฟเงินได้มาก แต่ถ้าคิดว่ากล้องเดิมยังถ่ายภาพสวย วิดีโอก็ยังไหว แถม 5G ในบ้านเราก็ยังใช้งานได้ไม่เต็มที่ ใช้รุ่นเดิมต่อไปก่อนก็ได้ ค่อยรอ iPhone รุ่นใหม่ออกค่อยมาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง
Shopee 9.9 Super Shopping Day แคมเปญโปร 9.9 สุดยิ่งใหญ่แห่งปี! มหกรรมสินค้าลดราคาจัดเต็ม เริ่มต้นเพียง 9.- ถูกคุ้มทุกวันตลอดทั้งแคมเปญ! พร้อมรับโปรโมชั่นส่งฟรีขั้นต่ำ 0.- และพิเศษกว่าที่เคย เก็บโค้ดส่วนลดสูงสุดถึง 999.- ช้อปได้กับโปรหลากหลายสุดโดนใจ ช้อปได้แล้วตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. – 9 ก.ย. นี้ที่ Shopee 9.9 Super Shopping Day!
ที่มาข้อมูล : https://www.apple.com/th/iphone/compare/