โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) เป็นภาวะที่กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการรบกวนต่าง ๆ มากมาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก มาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นกันว่ากรดไหลย้อนอาการเป็นอย่างไร !

กรดไหลย้อนอาการเป็นอย่างไร

ผู้ป่วยกรดไหลย้อนมีอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • แสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่
  • มีรสเปรี้ยวในปาก
  • รู้สึกเหมือนมีก้อนในลำคอ
  • ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • เสียงแหบ
  • หายใจลำบาก
  • นอนราบไม่ได้ ต้องนอนหนุนสูง
  • ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่
  • คลื่นไส้ อาเจียน

สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน

สาเหตุหลักเกิดจากการทำงานผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง โดยมีปัจจัยเสี่ยงดังนี้

  • การรับประทานอาหารมากเกินไป
  • ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • การสูบบุหรี่
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ความเครียด
  • การตั้งครรภ์
  • การรับประทานอาหารรสจัด เผ็ดจัด หรือมีไขมันสูง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนและอาการจาก

  • การซักประวัติอาการ
  • การตรวจร่างกาย
  • การส่องกล้องตรวจหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร
  • การตรวจวัดความเป็นกรดในหลอดอาหาร
  • การเอกซเรย์หลอดอาหารและกระเพาะ

การรักษาโรคกรดไหลย้อน

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ
  • ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
  • ลดน้ำหนักหากมีภาวะอ้วน
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

2. การรักษาด้วยยา

  • ยาลดกรด
  • ยายับยั้งการหลั่งกรด
  • ยาเคลือบแผลในกระเพาะ
  • ยาปรับการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร

3. การผ่าตัด

ในกรณีที่มีอาการรุนแรงและการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล

การป้องกันโรคกรดไหลย้อนอาการรุนแรง

เพื่อป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนอาการรุนแรง ควรปฏิบัติดังนี้

  • รับประทานอาหารให้เป็นเวลา
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
  • ไม่รับประทานอาหารมื้อดึก
  • นอนตะแคงซ้าย และหนุนหมอนสูง
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูป
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการต่อไปนี้

  • มีอาการแสบร้อนกลางอกบ่อยครั้ง
  • มีอาการไอเรื้อรัง
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • กลืนอาหารลำบาก
  • อาเจียนเป็นเลือด
  • อุจจาระเป็นสีดำ

โรคกรดไหลย้อนเป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน แต่สามารถควบคุมและรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรักษาที่เหมาะสม หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial