ในงานก่อสร้างอาคารขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ “เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปรีดร้อนหน้าตัดรูปตัว H” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เหล็กเอชบีม (H-Beam) คือหนึ่งในวัสดุโครงสร้างที่ถูกเลือกใช้อย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติด้านความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทั้งแรงอัด แรงดัด และแรงเฉือน เหล็กชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นเสา คาน หรือส่วนประกอบหลักในโครงสร้างอาคารและโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่การเลือกใช้เหล็กเอชบีม อย่างไม่เข้าใจสเปกที่แท้จริง อาจทำให้เจ้าของโครงการเสียเปรียบ ทั้งในเรื่องของต้นทุนและความปลอดภัยทางโครงสร้าง
บทความนี้จะเป็น คู่มือเช็กสเปกเหล็กเอชบีม ฉบับเข้าใจง่าย ที่จะช่วยให้เจ้าของโครงการหรือผู้ว่าจ้างสามารถสื่อสารกับผู้รับเหมาได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกเปลี่ยนสเปกแบบเนียน ๆ โดยไม่รู้ตัว
เหล็กเอชบีมคืออะไร ?
เหล็กเอชบีม คือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot-Rolled Steel) ที่มีหน้าตัดเป็นรูปตัว H ซึ่งให้ความแข็งแรงในการรับแรงดัดในแนวตั้ง (คาน) และรับแรงอัดในแนวนอน (เสา) ได้ดีเยี่ยม จุดเด่นอยู่ที่ “ความหนา” และ “ความสูงของปีกเหล็ก (Flange)” ที่ทำให้สามารถรับแรงได้มากกว่าหน้าตัดอื่น ๆ อย่าง C-Channel หรือ I-Beam ทั่วไป
จุดที่ควรเช็กก่อนเลือกใช้เหล็กเอชบีม
- ขนาดหน้าตัด (Section Size)
- ขนาดของเหล็กเอชบีม จะระบุเป็น ความสูงของเหล็ก × ความกว้างของปีก เช่น 150×150 mm หรือ 200×100 mm
- ควรเลือกขนาดตามแบบวิศวกรรมที่ออกแบบไว้ และอย่าใช้ขนาดใกล้เคียงโดยไม่ได้รับการคำนวณใหม่
- ความหนาของปีกและแกนกลาง (Flange & Web Thickness)
- เหล็กเอชบีม ที่เหมือนกันในชื่อเรียกอาจมีความหนาต่างกัน ส่งผลต่อกำลังรับน้ำหนัก
- ตัวอย่างเช่น H 200×200×8×12 หมายถึง ความสูง 200 mm, ความกว้างปีก 200 mm, ความหนา web 8 mm, ความหนา flange 12 mm
- น้ำหนักต่อเมตร (kg/m)
- เป็นตัวชี้วัดปริมาณเนื้อเหล็กจริง ยิ่งน้ำหนักมากแสดงว่าสเปกสูงกว่า
- เช็กกับตารางเหล็กของโรงงานผลิต เช่น มอก. 1227-2539 หรือ ASTM A992 ว่าน้ำหนักที่ใช้ตรงตามที่ควรจะเป็นหรือไม่
- เกรดเหล็ก (Steel Grade)
- ควรเลือกเกรดที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น SS400 (มาตรฐานญี่ปุ่น), A36 หรือ A572 Gr.50 (มาตรฐานอเมริกัน)
- เกรดที่สูงกว่า จะมีค่า Yield Strength และ Tensile Strength ที่ดีกว่า รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น
- แหล่งที่มาของเหล็ก
- ตรวจสอบว่าเป็นเหล็กรีดร้อนจากโรงงานมาตรฐานหรือเหล็กรีไซเคิล
- เหล็กเกรดต่ำอาจมีปัญหาเรื่องความแข็งแรง ไม่เหมาะสำหรับงานโครงสร้างหลัก
เทคนิคเลี่ยงการถูกลดสเปกโดยไม่รู้ตัว
- ขอใบรับรองคุณภาพ (Mill Certificate) จากผู้รับเหมา หรือซัพพลายเออร์
- ชั่งน้ำหนักเหล็กจริง เทียบกับน้ำหนักตามตารางมาตรฐาน หากเบากว่ามาก อาจมีการลดสเปก
- ตรวจสอบรอยปั๊มบนเนื้อเหล็ก ซึ่งควรมีชื่อโรงงาน วันผลิต และเกรดเหล็กครบถ้วน
- อย่าซื้อจากแหล่งที่ไม่มีมาตรฐาน เช่น ตลาดเหล็กมือสองหรือเหล็กค้างสต็อกที่ไม่มีการรับรอง
การเลือกใช้เหล็กเอชบีมในงานก่อสร้างไม่ใช่แค่เลือก “ขนาด” ที่เหมาะสม แต่ยังต้องเข้าใจ “รายละเอียดเชิงเทคนิค” อย่างลึกซึ้ง ทั้งในเรื่องของความหนา น้ำหนัก เกรดเหล็ก และมาตรฐานผลิต เพื่อป้องกันการลดสเปกที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของอาคารในระยะยาว
หากคุณเป็นเจ้าของโครงการ ผู้ว่าจ้าง หรือผู้ควบคุมงาน การมีความรู้เบื้องต้นเหล่านี้จะทำให้คุณ มั่นใจทุกครั้งที่เซ็นอนุมัติวัสดุ และสามารถร่วมมือกับผู้รับเหมาได้อย่างมืออาชีพ ไม่ตกเป็นเหยื่อของการลดต้นทุนแฝงอย่างไม่เหมาะสม
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial