Oppo ถึงแม้จะเป็นแบรนด์จากจีนแต่คุณภาพก็ระดับสากล สำหรับ Find 7 คือตัวเรือธงของแบรนด์นี้ในตอนนี้ สำหรับสเปคจะเน้นไปที่ความเป็นที่สุดของที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 2K, RAM 3 GB หรือแม้แต่กล้อง Ultra-HD ที่เทียบเท่าความละเอียด 50 MP
Oppo Find 7 เปิดตัวที่ราคา 19,990 บาท (แต่คิดว่าอีกไม่นานราคาก็คงลงได้อีกเป็นธรรมดาของแบรนด์นี้) หรือหากใครคิดว่าราคาสูงไปก็ลองเปลี่ยนเป็น Find 7a ที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ (แต่สเปคต่ำกว่านิดหน่อย) ราคา 15,900 บาท
กล่องของ Oppo ทำออกมาหรูได้อีกในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เขาเป็นแค่กระดาษกัน
แกะกล่อง Find 7 ออกมาข้างในก็มีหูฟังที่เสียงไม่เลวเลย สาย Micro USB และที่ชาร์จอีกชิ้นนึง
สเปคที่ชาร์จอันนี้ถึงแม้จะใหญ่ดูเกะกะแต่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 4.5A (ตอนนี้ไม่มีอุปกรณ์ไหนรองรับยกเว้นของ Oppo เอง) ทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าถึง 4 เท่า (ปกติที่ชาร์จทั่วไปจะอยู่ที่ 1A และถ้าเป็น Tablet ก็ 2A)
สเปค : Oppo Find 7
- ระบบปฏิบัติการ : Color OS 1.2 (Android 4.3)
- หน้าจอ : 5.5″ ความละเอียด 2K (2,560 x 1,440 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล : Quad-core 2.5 Ghz (Snapdragon 801)
- แรม : 3 GB
- หน่วยความจำ : 32 GB รองรับ Micro SD สูงสุด 128 GB
- กล้องหลัง : 13 MP (รองรับถ่ายวิดีโอ 4K, Raw, Ultra-HD 50 MP)
- กล้องหน้า : 5 MP
- ไร้สาย : 4G Lte, WiFi (b/g/n), Bluetooth 4.0, NFC
- แบตเตอรี่ : 3,000 mAh
- น้ำหนัก : 170 กรัม
เอกลักษณ์รุ่นนี้อยู่ที่เทคโนโลยี VOOC ที่ช่วยชาร์จไฟจาก 0-75% ด้วยระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง (ต้องใช้ที่ชาร์จที่แถมมาเท่านั้น)
ส่วนวัสดุฝาหลังก็จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ต่างจาก Find 7a ที่เป็นพลาสติก ส่วนสีก็มีสีเดียวคือดำนั่นเอง
ชาร์จเร็วด้วย VOOC
ฝาหลังสามารถแกะได้แต่ยากมากและต้องมีที่จิ้มเพื่อดันฝาหลังออก บอกเลยว่ามันลำบากมากและไม่แนะนำสำหรับคนที่คิดจะแกะเปลี่ยน SIM, Micro SD บ่อย ๆ ส่วนเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่เทคโนโลยี VOOC เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะมหัศจรรย์และสะดวกดี หากไม่นับรวมที่ชาร์จที่แสนจะเทอะทะของมัน
หน้าจอละเอียดระดับ 2K
สำหรับหน้าจอความละเอียด 2K/Quad HD (2,560 x 1,440 พิกเซล) ทางทีมงานเองยังมองไม่เห็นประโยชน์นัก เนื่องจากเกมทั้งหลายยังไม่รองรับส่วนไฟล์ VDO ก็ยังหาไม่ค่อยได้ เรียกว่าเป็นการซื้อเพื่ออนาคตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ก็มีปัญหาเรื่องกระตุกบ้างเล็กน้อยสำหรับบางแอปฯ ที่ออกแบบมาไม่ค่อยดี แม้กระทั่ง Play Store ของ Google เอง พอทำการ Scroll ก็ไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ พูดง่าย ๆ ก็คือยิ่งหน้าจอละเอียดขึ้นก็ยิ่งกินทรัพยากรมากยิ่งขึ้น แถมถ้าแอปฯ เขียนมาไม่ดีอีกปัญหายิ่งเพิ่มขึ้น (GC และ AsyncTask)
สำหรับผู้ใช้งานแล้วสเปคยิ่งสูงยิ่งดี แต่สำหรับนักพัฒนาแล้วมันเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง จอยิ่งใหญ่ยิ่งต้องใช้ CPU/GPU เยอะมากขึ้น การบริโภคพลังงานที่มากกว่าเดิม ฯลฯ แถมยิ่งหน้าจอขนาดเล็กทำให้เห็นความแตกต่างน้อยลงไปอีก เหมือนเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีซะอีก
วัสดุด้านหลังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ดูทนทานขึ้นมาก ส่วนตัวไม่ติดใจอะไรเว้นแต่ว่ามันดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ในสายตาผมเอง
ด้านบนเป็นช่องสำหรับเสียบหูฟังปกติทั่วไปไม่มีลูกเล่นอะไรพิเศษ
ด้านข้างเป็นปุ่มปรับเสียงและอีกหนึ่งทีเด็ดที่ Oppo ซ่อนไว้ก็คือรูสำหรับเสียบเพื่อแกะฝาหลัง ต้องหาอะไรกดลงไปเพื่อให้ฝาหลังเด้งหลุดออกมา (ลำบากมาก)
กล้องของ Find 7 ดีไหม?
กล้องของ Find 7 ความละเอียดอยู่ที่ 13 MP เป็นของ Sony ครับ และมีโหมดถ่ายภาพที่รองรับไฟล์ RAW, Beauty, Ultra HD, HDR และอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะครับ (ตัวนี้ชูเอกลักษณ์เป็นกล้องด้วย)
สำหรับโหมด Auto เท่าที่ลองเปิดดูก็พึ่งพาได้ครับ ถึงแม้ว่าพอเปิดกล้องแล้วเครื่องจะร้อนเร็วมากไปหน่อย
โหมด HDR ลองเปรียบเทียบกับ Auto ด้านบนได้ครับ ผมถ่ายไว้ช่วงเวลาเดียวกัน
Ultra-HD (UHD) เป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะของ Oppo จะเป็นการถ่ายพร้อมกันทีเดียว 10 ภาพ แล้วเลือกมาแค่ 4 ภาพเพื่อเอามาสร้างภาพความละเอียด 50 MP การถ่ายแบบนี้ช่วยให้เราได้ภาพที่คมมากถึงมากที่สุด สามารถเอาไปขยายขนาดเท่าฝาบ้านได้โดยที่ไม่แตก (ทีม Oppo เอามาให้ดูวันเปิดตัวเสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายมา) นอกจากนี้ยังช่วยให้เรา Crop หรือ Zoom หลาย ๆ เท่าโดยที่ภาพไม่แตก (หรือแตกน้อยกว่า) ได้อีกด้วย
สำหรับกล้องหน้าของ Oppo เป็นเอกลักษณ์มีโหมด Beauty ที่โด่งดัง และทำหน้าให้เนียนได้แบบไม่เวอร์
หมายเหตุ : ใครอยากดูภาพอย่างละเอียดสามารถไปดูได้ที่ Google+ ครับ
VDO รองรับ 4K
สำหรับ Find 7 ตัวนี้รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K ใครที่อยากรู้ว่ามันจะละเอียดขนาดไหนก็ลองเข้าไปชมกันได้ครับ (อย่าลืมปรับความละเอียดที่ YouTube ก่อน) และที่สำคัญหน้าจอต้องรองรับด้วยนะถึงจะเห็นความแตกต่าง ผมลองดูด้วย Find 7 ในมือที่มีความละเอียด 2K แล้วบอกได้เลยว่ามองลำบากมากครับ (อาจเป็นเพราะจอมันเล็กด้วย)
UI/UX
Theme ของ Oppo หรือที่เรียกว่า Color OS น่าเสียดายที่เป็นแค่ Android 4.3 แต่ความสามารถของมันก็ไม่แพ้ ROM ดัง ๆ ของต่างประเทศเลยทีเดียว ส่วนใหญ่เน้นไปที่ความสวยงามและลูกเล่นไปเสียมากกว่า ทำให้มันค่อนข้างกินทรัพยากรเครื่องพอสมควร (แต่ไม่เป็นไร Oppo ให้แรมมาตั้ง 3GB)
Notification Toggle ที่มีให้ค่อนข้างครบจบในหนึ่งเดียว สำหรับตอนลากนิ้วลงมาถ้าลากจากด้านซ้ายจะเป็น Gesture Draw แทน
มี Gesture Draw ที่สามารถวาดลงบนหน้าจอเพื่อเป็นคำสั่งต่าง ๆ ได้ และแน่นอนว่าผมเองก็จำได้ไม่หมดหรอก แถมบางครั้งเวลาใช้งานก็ลืมไปด้วยซ้ำ
คำสั่งกล้องที่มีให้ปรับมากมายมหาศาล (บางตัวผมแทบไม่เคยได้ใช้เลยด้วยซ้ำ)
เพลง คลังภาพ และจัดการไฟล์ทำออกมาได้สวยสมกับเป็น Color OS หลากสีดีจริง ๆ
ด้วยความที่อยากทราบว่าหน้าจอ 2K ละเอียดเพียงใด ผมจึงได้ทำการเปิดหน้าเว็บไซต์แบบ Desktop ก็ดูคมดีครับ (ถึงแม้ว่าจะอ่านตัวอักษรแทบจะไม่ได้แล้วก็เถอะ) แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูไม่ค่อยได้ประโยชน์จากหน้าจอ 2K เท่าไหร่
ข้อดี
- สเปคสูงระดับ TOP
- แบตเตอรี่ชาร์จไว (VOOC)
- ระบบปฏิบัติการ Color OS (Android 4.3)
- กล้องหลังปรับได้ 50 MP (Ultra-HD)
ข้อเสีย
- หน้าจอ 2K ยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์เท่าไหร่
- เครื่องกินแบตเตอรี่สูงมาก
- น้ำหนักเครื่องค่อนข้างมาก
สรุป
ทั้งแบตเตอรี่และหน้าจอ 2K เป็นเหมือนดาบสองคม จุดเด่นในรุ่นนี้คือการชาร์จที่ไวเวอร์ ๆ ชนิดไม่มีใครเทียบได้ แต่ก็แลกมาด้วยการกินพลังงานที่สูง (มาจากหน้าจอ 2K) แถมถ้าไม่ได้พกที่ชาร์จ VOOC ติดตัวไปด้วยจะเป็นอะไรที่ลำบากมากสำหรับ Power Bank ปกติ เพราะแบตเตอรี่ 3,000 mAh กว่าจะชาร์จเต็มก็นานมาก แถมเต็มได้ไม่นานก็หมดอีก นอกนั้นเรื่องพื้นฐานทาง Oppo เองก็ทำได้ดีหมดครับ