เก็บตกงานเปิดตัว Plantronics Voyager Edge และ Backbeat Fit

งานแถลงข่าวเปิดตัว Voyager Edge และ Backbeat Fit สุดยอดหูฟัง Bluetooth จาก Plantronics เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2014 คราวนี้เปิดตัวไกลหน่อยถึงสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเกียรติกับทีมงาน iReview.in.th เป็นอย่างมาก ซึ่งงานนี้ก็ต้องขอขอบคุณบริษัท Systems2000 ตัวแทนจำหน่าย Plantronics ประจำประเทศไทยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ

เริ่มต้นที่ MARINA at Keppel Bay ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะไปร่วมงานเปิดตัวสินค้ากัน โดยจะเปิดตัวกันบนเรือ O,o!

งานนี้มีทั้งสื่อมวลชนและตัวแทนจำหน่ายจากหลายประเทศมาลงเรือลำเดียวกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นกันเองเป็นอย่างยิ่งทำให้ทางผมรู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่างานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไหน ๆ ที่ผ่านมา

Voyager Edge

ตัวนี้เป็นหูฟัง Bluetooth ระดับ TOP ที่ทาง Plantronics ภูมิใจนำเสนอหลังจากซุ่มพัฒนาอยู่หลายปีเลยทีเดียว (เดี๋ยวจะกล่าวถึงฟีเจอร์ในตอนท้าย)

Backbeat Fit

เอาใจกระแสเทรนด์รักสุขภาพอย่างถึงที่สุด มีมือถือหลายรุ่นในปัจจุบันที่เริ่มกันน้ำและวัดชีพจรได้แล้ว ไฉนเล่าถึงยังหาหูฟัง Bluetooth ดี ๆ สำหรับออกกำลังกายไม่ได้เลย? และ Backbeat Fit เกิดมาเพื่อการนี้ครับ

สองสาวแกร่งจาก Systems2000 ถ้าคงจะไม่แนะนำคงจะไม่ได้คุณจุติพร ศรีคำพร (Senior Marketing Officer/CRM) และคุณนิสา มังกรทอง (Managing Director) ตามลำดับที่ช่วงดูแลผมมาอย่างดีตลอดทริปนี้

ระหว่างรอเรือออกทางคุณจุติพรเจ้าหน้าที่การตลาดแสนสวยของเราของเขาช่วยมาเป็นนางแบบให้ (เห็นแล้วอยากช่วยอุดหนุนอีกเยอะ ๆ เลย) เอาล่ะเข้าเรื่อง … ซึ่งผมว่าเจ้า Backbeat Fit ตัวนี้ใช้งานง่ายเอาเสียมาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิ่งทั้งในฟิตเนสและนอกสถานที่ครับ

อีกอย่างบ้านเราตอนนี้กระแสจักรยานกำลังมาแรงด้วย ปั่นไปสู้แดดประเทศไทยเหงื่อไหลไคลย้อย ถ้าเป็นหูฟังทั่ว ๆ ไปคงเอาไปอยู่และมันก็ยังยากต่อการทำความสะอาดอีกด้วย Backbeat Fit คือคำตอบครับ

Backbeat Fit และ Voyager Edge สำหรับสีที่จะมีวางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีสีอะไรบ้าง คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

งานนี้คุณ Alvin Kiew (Director of Sales & Marketing, South-East Asia) จาก Plantronics ก็ให้เกียรติมาร่วมสาธิตและให้ข้อมูลเราด้วยครับ

ทำไมต้อง Plantronics?

ผู้อ่านหลายคนอาจจะไม่เคยใช้ Bluetooth Headset อาจไม่ค่อยรู้จักแบรนด์ในวงการมากนัก และผมขอบอกเลยว่าในวงการนี้ Plantronics คือเบอร์ 1 !!! ประวัติศาสตร์ของเขายาวนานมากมาย และมนุษย์คนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์และ NASA ต่างเลือกใช้ Plantronics  โอ้วววว … เห็นแบบนี้รู้สึกขนลุกกันเลยทีเดียว

100 บริษัทชั้นนำของโลก “ทั้งหมด” ขอใช้คำว่า “ทั้งหมด” นะครับ ทุกบริษัทต่างเลือกใช้ Plantronics

Plantronics ได้พิมพ์หูของคนหลากหลายเชื้อชาติและหลากหลายขนาด เพื่อให้ที่จะสร้างหูฟัง Backbeat Fit ที่เหมาะกับ “ทุกคน” ทำให้นึกถึงสมัย Apple พัฒนา Earpod ที่พิถีพิถันในการออกแบบมาอย่างดี จนกระทั่งมันเป็นหูฟังสำหรับทุกคน

จุดเด่น Backbeat Fit

ออกแบบมาสำหรับทุกคนด้วยการใส่ใจในคุณภาพเสียง (ลองแล้วเบสแน่นมาก) ใส่แล้วไม่หลุดในขณะที่ยังพอรับเสียงสถานการณ์รอบตัวได้ ทำให้ปลอดภัยในการวิ่งหรือขับจักรยาน มีการออกแบบด้วยสีสันสดใสและกระเป๋าที่กลับด้านเป็น Armband เพื่อเก็บ Smartphone ได้

• น้ำหนักเบา
• กันน้ำฝนและเหงื่อ
• ควบคุมเพลงได้ในตัว
• ฟังก์ชัน DeepSleep (ประหยัดแบตเตอรี่เมื่อไม่ได้ใช้งาน)

สำหรับการใช้งานสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง และการวางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2014 สำหรับราคายังไม่ชัวร์แต่คาดว่าอยู่ในช่วง 4,xxx บาท

สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ สำหรับ Backbeat Fit นอกจากสีสันสุดเจ็บของมันแล้วยังเป็นกระเป๋าเก็บหูฟังที่สามารถแปลงร่างเป็น Armband ได้ด้วย (ถ้าจำไม่ผิดเนื้อผ้ามันกันน้ำด้วย) เรียกได้ว่าซื้อปุ๊บพร้อมวิ่งปั๊บไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีกเลย

การควบคุมเพลงสามารถกดจาก Backbeat Fit ได้เลยส่วนเรื่องรายละเอียดและความเห็นเพิ่มเติมคงต้องรอมารีวิวกันอีกที

จุดเด่น Voyager Edge

เป็นสุดยอดนวัตกรรมที่ให้เสียงที่คมชัดแบบ HD อีกทั้งยังมีไมค์ถึง 3 ตัว เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบและตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี Smart Sensor โดยจะรับสายทันทีที่หยิบมาสวมหู บอกชื่อผู้โทรเข้ามา (สำหรับ Android) และที่ขาดไม่ได้คือการสั่งงานรับสายด้วยเสียงรวมถึงคำสั่งอื่น ๆ

• รองรับมือถือสองเครื่องพร้อมกัน
• ไมค์ตัดเสียงรบกวน
• สั่งงานด้วยเสียง
• NFC
• ฟังก์ชัน DeepSleep (ประหยัดแบตเตอรี่เมื่อไม่ได้ใช้งาน)

มาพร้อมกล่องสำหรับพกพาที่เป็นแบตเตอรี่สำรองในตัว เมื่อใช้ร่วมกับ Voyager Edge ทำให้สามารถสนทนาได้สูงสุดถึง 16 ชั่วโมง และการวางจำหน่ายจะอยู่ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2014 สำหรับราคาเปิดตัวเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะอยู่ที่  4,590 บาท

Voyager Edge จะวางจำหน่ายทั้งสีขาวและสีดำสิ่งที่ผมชอบคือกล่องสำหรับพกพา ที่จะเป็นแบตเตอรี่ในตัวเพียงแค่กดล็อคลงไปก็จะชาร์จทันที สามารถเช็คแบตเตอรี่ได้เพียงแค่สัมผัส (Touch) ดูล้ำยุคมากครับ

เวลาสนทนาอยู่ที่ 6 ชั่วโมง (หากใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ที่กล่องพกพาจะเป็น 16 ชั่วโมง) รอรับสายสนทนาได้ถึง 7 วัน (หากใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ที่กล่องพกพาจะเป็น 25 วัน) ขนาดดูเหมือนจะใหญ่แต่น้ำหนักอยู่ที่ 9 กรัมเท่านั้นเอง

สรุป

เป็นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวกับ Voyager Edge และ Backbeat Fit (ตัวหลังน่าเสียดายที่เปิดตัวไม่ทัน Mobile Expo) สำหรับเรื่องรีวิวที่ทุกคนรอคอยแน่นอนว่าทีมงาน iReview.in.th จะเร่งจัดให้เร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอนสำหรับสองตัว โดยจะเริ่มที่ Voyager Edge ก่อนในตัวแรก ซึ่งอยากบอกว่ามันเป็น Bluetooth Headset ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่เคยใช้งานมาเลยทีเดียว