ในวันนี้เราจะมีรีวิวอีกหนึ่งอุปกรณ์ทางด้านเทคโนโลยีการนำเสนอสุดล้ำ ขอเกริ่นก่อนเลยในฐานะที่เคยเป็นลูกค้าและผู้ซื้อสินค้า IT มาก่อน เวลาเราไปเดินตามงาน Expo ต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะสนใจวิธีการจัดแสดงสินค้าเป็นอย่างมาก (เดินดูมันทุกแบรนด์) คงจะดีไม่น้อยถ้าหากจะมีการนำเสนอแบบแปลก ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมา เพราะค่าที่สำหรับจัดงานก็แพงโขอยู่หากเรียกความสนใจจากคนดูไม่ได้แล้วจะไปออกบูธทำไมจริงไหมครับ? และวันนี้ผมก็ได้รู้จักกับมันครับกับ “Hologram Display”
หากพูดถึงฮอโลแกรม (Hologram) ภาพแรกที่ขึ้นมาติดหัวของใครหลาย ๆ คนคงหนีไม่พ้นภาพจากหนังเรื่อง Star Wars ที่มาการแสดงผลภาพสามมิติสุดล้ำ ซึ่งเราเองก็ไม่เคยคิดกันมาก่อนว่าซักวันนึงเราจะได้ใช้มัน
หรือแม้กระทั่งการประชุมเสมือนจริง (แหม … เท่ไปเลยเนอะ) ซึ่งจากการที่ผมได้เข้าไปคุยกับ บริษัท ดิจิตอล มีเดีย อินเทอร์เฟซ จำกัด (DMI) เห็นว่าอนาคตจะมีการนำเข้าเทคโนโลยีนี้พร้อมทั้งระบบการจัดประชุมเสมือนจริงด้วย แต่ข้อข้ามไปก่อนแล้วกันครับ เพราะวันนี้เราจะย่อสเกลลงมาเพื่อให้เข้าใจและจับต้องกันได้ง่ายขึ้น
สำหรับเจ้าเครื่องนี้มีชื่อว่า “Hologram Display” ก็มีความสามารถตามชื่อของมันเลยคือ “แสดงผลฮอโรแกรม” หลักการก็คือ Input ไฟล์ Video 3D เข้าไปโดยจะสร้างจาก After Effect, Premiere Pro หรืออะไรใด ๆ ก็แล้วแต่ (ถ้าทำไม่เป็นบริษัทฯ เขามีรับทำด้วยรายละเอียดอยู่ด้านล่างครับ) จากนั้นก็จะมีการสะท้อนภาพจากหน้าจอแสดงผลออกมาให้เราเห็นเป็นสามมิติ
ไม่จำเป็นต้องมองจากด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถมองจากด้านข้างได้อีกด้วย (มองได้สามมุมยกเว้นด้านหลังซึ่งเป็นฉากดำ) เมื่อเรามองลงไปจะเห็นเป็นวัตถุออกลอย ๆ ไม่เหมือนมองจากหน้าจอคอมฯ นะครับคนละอารมณ์กันเลย แถมหากเพ่งดี ๆ จะพบว่ามันออกโปร่งแสงนิด ๆ ด้วยซ้ำไป
ภาพถูกยิงมาจากด้านบนผ่านกระบวนการสะท้อนจนมาเป็นภาพเสมือนจริงให้เราได้ชมกัน ข้อดีก็คือเราจะสามารถแสดงผลให้ลูกค้าดูพร้อมกันได้มากกว่าหนึ่งด้าน หมายความว่าถ้าหากมีกรุ๊ปเดินมาซักประมาณ 5-10 คน (โดยประมาณ) ก็ยังสามารถรับชมเรื่องเดียวกัน ในบรรยากาศเดียวกันได้
หลายคนอาจจะมีคำถามในใจประมาณว่าต้องสวมแว่นตาไหม? ต้องเว้นระยะห่างเท่าไหร่? การเตรียมหน้างานเป็นยังไง? ซึ่งการใช้งานของ Hologram Display ก็ไม่ยากเลยเพียงแค่คุณเตรียมพื้นที่หาแท่นวางให้สูงต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย เตรียมปลั๊กไฟหนึ่งอันเพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว
ไม่จำเป็นต้องสวมแว่นหรือเว้นระยะห่างให้ได้จุดโฟกัสใด ๆ ให้ยุ่งยากเลย ตรงนี้มันช่วยให้เราประหยัดทรัพยากรบุคคลไปในตัวด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องจ้างคนเพื่อมายืนสาธิต (หรือแจกแว่น) รวมถึงไม่จำเป็นต้อง Setup เครื่องอะไรให้วุ่นวาย สวิตซ์เปิดเครื่องมีแค่ปุ่มเดียววานแม่บ้านหรือเด็กฝึกงานมาเปิดให้ก็ได้ครับ
ฝาด้านหลังเป็นโลหะสามารถสไลด์เพื่อถอดออกได้ ตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะถอดออกไปทำไม? คือจริง ๆ แล้วพื้นที่ด้านในเป็นอิสระครับ เราสามารถนำวัตถุหรือสิ่งของมาวางเพื่อใช้ประกอบได้
ยกตัวอย่างเช่นการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือ หากวางใส่ตู้ไว้เฉย ๆ มันก็เป็นได้แค่นั้นมองอะไรก็ไม่ถนัด แต่ถึงวางโชว์แบบเปิดให้สัมผัสได้แล้วหาอะไรล็อคไว้มันก็จะดูด้อยค่าไปทันใด (ตามหลักจิตวิทยายิ่งลูกค้าได้จับได้ต้องมันนานเท่าไหร่ ความต้องการจะยิ่งลดลงไป)
จะดีกว่าไหม? ถ้าหากเราจะวางโชว์นาฬิกาในตู้ตามปกติ แต่มีการเล่น Hologram ล้อมรอบนาฬิกาไปด้วยพร้อมแสดงให้เห็นตัวเฟืองภายในแต่ละชิ้นว่ากว่าจะมาประกอบกัน มันพิถีพิถันมากมายสักเพียงไร
ตัวเครื่องด้านหลังเป็นแบบเรียบ ๆ ไม่มีอะไรมากครับแค่เป็นสวิตซ์สำหรับเปิด-ปิด ช่องสำหรับเสียบไฟ (มีอะแดปเตอร์อีกที) ส่วนการ Input ได้ทั้ง CF Card และ USB ครับ (แนะนำอย่างหลังมากกว่าหาง่ายและมันก็สะดวกดี) ส่วนด้านบนก็จะเป็นลำโพงสเตอริโอครับ
มาดูภาพรวมด้านหลังกันอีกหน่อยให้เห็นชัด ๆ นะครับ รูปทรงก็ดูทันสมัยแต่แฝงไปด้วยความลึกลับ บวกกับโทนสีดำที่ง่ายกับการเข้ากับวัสดุทุกสี แถมไม่ช่วยแย่งจุดสนใจสิ่งที่กำลังจะนำเสนอมากจนเกินไป
มีรีโมทแถมมาให้หนึ่งอันครับสำหรับควบคุม VDO ที่ใส่มาใน USB หรือ CF Card นั่นแหล่ะ
ด้านหลังเป็นถ่านหาเปลี่ยนได้ทั่วไป
ครั้งนี้ลองนำวัตถุใส่ลงไปอย่างโมเดลรถคันนี้ ลูกค้าก็จะได้เห็นทั้งโมเดลรถย่อส่วนรวมถึงภาพ Hologram ที่แสดงรายละเอียดรวมถึงสมรรถนะของรถได้อีกด้วย เป็นการนำเสนอที่กระชับและเข้าใจง่ายที่สุดแล้วครับ
หรือจะใช้เล่นกับวัตถุด้านในก็ขึ้นอยู่กับดีไซน์เนอร์ที่ทำไฟล์ออกมา ส่วนพื้นหรือฝาหลังอะไรพวกนี้เราสามารถเปลี่ยนหรือสร้างเองได้เลยครับ แต่ถ้าจะให้ดีก็เน้นโทนมืด ๆ ไว้หน่อย Hologram จะได้ดูเด่นออกมา
อันนี้ผมลองเปิดฝาหลังออก เพื่อถ่ายให้ดูว่ามันเป็นภาพที่เสมือนจริงขนาดไหน ในขณะที่ลูกค้าจะมองเห็นเป็นวัตถุที่ลอยขึ้นมา
ภาพอีกรูปหนึ่งราวกับตัดต่อหรือเล่นมายากลกันเลยทีเดียว หากดูจากภาพถ่ายคุณภาพจะค่อนข้างดรอปลงไปมากครับ ถ้ายังไงหากมีโอกาสอยากให้ทุกท่านที่สนใจไปลองสัมผัสด้วยตาตัวเอง
VDO อันนี้ลองทดสอบการแสดงผลแบบปกติครับ
ส่วน VDO อันนี้จะเป็นการลองทดสอบโดยการแสดงผลพร้อมกับใส่วัตถุเข้าไปด้านในด้วย
Hologram Display เหมาะกับใคร?
คำถามนี้มันช่างโดนใจมากสำหรับ Reviewer อย่างผม แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่เครื่องใช้ภายในบ้านแน่นอน แต่ถ้าคุณผู้อ่านกำลังประกอบธุรกิจหรือทำงานสถานประกอบการอยู่ล่ะก็ ลองคิดกันดูเล่น ๆ สิครับว่าเราจะเอามันไปต่อยอดกับโปรเจคอะไรได้บ้าง? ส่วนในหัวผมตอนนี้นี้
- เครื่องประดับ การโชว์น้ำหรือความละเอียดของเพชรหรืออย่างที่กล่าวไว้ตามต้นคือนาฬิกา หรืออะไรที่มันเล็กเอามาก ๆ และต้องการแสดงรายละเอียด โดยที่ไม่อยากให้ลูกค้าต้องจับต้อง
- สัตว์ รวมถึงภาพจำลองของสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธ์ไปแล้ว อันนี้ใช้ประกอบในพิพิธภัณฑ์ได้ดีมาก
- ตัวอย่างภาพยนตร์ ลองนึกถึงหนังที่อยู่ดี ๆ พอเดินผ่านแล้วมีภาพ Hologram ของนางเอกมาเพื่อขอความช่วยเหลืออะไรซักอย่าง เรียกความน่าสนใจขึ้นได้มากเลยทีเดียว หรือใช้ประกอบงานอีเว้นท์อันนี้ก็ไม่เลวทีเดียว
- การศึกษา จำลองระบบสุริยะ หลุมดำ แกแล็คซี่ หรือแบบจำลองอวัยวะภายในร่างกายเพื่อให้ข้อมูลทางการศึกษา ฯลฯ
- แบบจำลองหรืองานศิลป์ สำหรับบางกรณีที่เป็นงานศิลปะขนาดใหญ่มากอยู่เชียงใหม่ แต่จำเป็นต้องเอามานำเสนอที่กรุงเทพฯ หากจะขนย้ายมาก็คงจะลำบาก ถ้าดูผ่านรูปภาพหรือวีดีโอธรรมดามันก็จะดูด้อยมูลค่าเกินไป อันนี้ช่วยได้ครับ
- สินค้าไอที อันนี้ความหมายตรงตัวคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
ทั้งนี้หากมีใครสนใจอยากติดต่อซื้อหรือเช่าได้ ที่นี่ บริษัท ดิจิตอล มีเดีย อินเทอร์เฟซ จำกัด (DMI) หรือเบอร์ 02-313-4562 ต่อ 101 และ 102
ข้อดี
- ภาพสมจริง ประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย
- ไม่ต้องเตรียมพื้นที่หน้างานเพื่อติดตั้งให้วุ่นวาย
- สามารถตกแต่งหรือวางวัตถุพื้นที่ภายในได้ด้วยตนเอง
ข้อเสีย
- ราคาอาจจะสูงไปนิดสำหรับโปรเจคเล็ก ๆ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีเช่าเอา
- น้ำหนักค่อนข้างสูงอาจทำให้ลำบากเวลาขนย้าย
- ลำโพงที่ฝังมาในเครื่องอาจเบาเกินไปหากนำไปใช้ในงาน Expo
สรุป
เป็นการนำเสนอในอีกหนึ่งรูปแบบที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครสร้างจุดสนใจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับงานที่หลากหลายขึ้นอยู่กับไอเดียของผู้ที่ต้องการจะนำเสนอ แต่โดยส่วนตัวในฐานะคนดูแล้วค่อนข้างชอบในความแปลกใหม่และสมจริงของภาพ Hologram ที่ลอยเป็นอิสระขึ้นมาครับ