Microsoft เผยผลสำรวจทัศนคติล่าสุดเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยี Cloud ในประเทศไทย โดยพบว่า ถึงแม้การให้บริการ Cloud มีการเติบโตเป็นอย่างมากในประเทศไทย แต่ยังมีผู้บริหารอีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานและความเป็นส่วนตัวที่อาจลดลงจากการใช้ระบบ Cloud โดยความเชื่อต่างๆ ที่ไม่ได้รับการยืนยันเหล่านี้ ล้วนเป็นอุปสรรคต่อองค์กรโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Cloudมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการทำงาน จากผลสำรวจล่าสุดนี้เอง ทำให้ Microsoft ในฐานะผู้นำบริการ Cloud อย่างครบวงจร ได้เข้ามาเตรียมความพร้อมและให้ความรู้กับบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยถึงประโยชน์ที่พึงจะได้รับจากการใช้เทคโนโลยี Cloud
พันธมิตรของ Microsoft ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายด้าน it กว่า 2,000 ราย จาก 11 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แบ่งปันความเข้าใจผิดที่คล้ายกันในกลุ่มลูกค้าเกี่ยวกับบริการ Cloud ซึ่งนอกเหนือจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงาน (จากการไม่สามารถทำงานแบบออฟไลน์) และความเป็นส่วนตัว สิ่งที่พบตรงกันมากที่สุดจากผู้ร่วมตอบแบบสอบถามจำนวน 237 คน ในประเทศไทย คือ บริการ Cloud ยังไม่พร้อมเต็มรูปแบบ ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัย และการเป็นเจ้าของข้อมูล
ปีแห่งเทคโนโลยี Cloud
IDC ได้คาดการณ์การใช้จ่ายเกี่ยวกับบริการ Cloud สาธารณะในประเทศไทยว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 276 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2556 เป็น 868 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปีพ.ศ. 2560
“เราเห็นแนวโน้มการเติบโตของ Cloud อย่างต่อเนื่อง โดยองค์กรต่างๆ เห็นถึงประโยชน์ในการมีแพลตฟอร์มที่สามารถมอบบริการที่ดีเยี่ยมควบคู่ไปกับความปลอดภัยและการปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นหัวใจสำคัญ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมองว่าปีนี้เป็นปีของเทคโนโลยี Cloud แต่ความเข้าใจผิดที่มีอยู่บางอย่างในกลุ่มผู้นำองค์กรอาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จาก Cloud อย่างเต็มที่ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘We Make 70 Million Lives Better’ ของ Microsoft ประเทศไทย เราและคู่ค้าของเราจะดำเนินการประสานความร่วมมือในการผลักดันและให้ความรู้กับธุรกิจไทย เกี่ยวกับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี Cloud อาทิ ความคล่องตัวและความคุ้มค่า ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการทำงานร่วมกันเป็นทีม สิ่งหล่านี้ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้นำองค์กรที่โลกของการทำงานได้เปลี่ยนไป พนักงานต้องการความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และสามารถทำงานร่วมกันได้โดยติดต่อผ่านทางเครื่องมือโซเชียลต่างๆ”
ความเข้าใจผิดเหล่านี้ สามารถอธิบายได้
ในการตอบแบบสอบถามเชิงลึก Microsoftได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเหล่านั้น ด้วยการให้ความรู้กับตลาดมากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงแหล่งข้อมูล เช่น เว็บไซต์ Office 365 Trust Center ซึ่งได้อธิบายเกี่ยวกับความกังวลต่างๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าไปหาคำตอบเกี่ยวกับความเข้าใจที่ผิดทั้ง 11 ข้อ และข้อเท็จจริงต่างๆ ได้จากอินโฟกราฟิคนี้:
http://www.microsoft.com/apac/news/cloud-myths/all/index.html
“ความตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องเสริมประสิทธิภาพในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Office 365 จาก Microsoft ซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่อยู่บนระบบ Cloud สามารถที่จะตอบข้อกังวลต่างๆ เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ Office 365 ยังแตกต่างจากบริการCloudโซลูชั่นทั่วไป ตรงที่ ได้รวมคุณประโยชน์ของ Cloud ขณะเดียวกันลูกค้ายังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพถึงแม้ในขณะออฟไลน์อยู่ก็ตาม นอกจากนี้ Office 365 ยังช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์พกพาและเครือข่ายโซเซียลต่างๆ รวมถึงทำให้บริหารจัดการและการควบคุมระบบไอทีทำได้ง่ายขึ้น Microsoft มีประสบการณ์ในการให้บริการCloudแก่ลูกค้ามามากกว่า 15 ปี และลูกค้าสามารถเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับประโยชน์จากการนำระบบ Cloud มาใช้ได้อย่างสูงสุดตั้งแต่ครั้งแรกในการใช้งาน”
นอกจากนี้ Office 365 ยังได้รับการสนับสนุน โดยนโยบายการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ Microsoft ยังรับประกันด้วยข้อตกลงระดับการบริการที่รับประกันการอัพไทม์ร้อยละ 99.9 (Service Level Agreements -SLAs) พร้อมการคืนเงิน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ Office 365 Trust Center website
ข้อมูลผลสำรวจเพิ่มเติมจากประเทศไทย:
- ร้อยละ 50 (เทียบกับร้อยละ 46 ในเอเชียเปซิฟิค) ผู้นำองค์กรยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับCloudน้อยมาก
- ร้อยละ 64 ระบุธุรกิจของพวกเขามีการใช้งานบริการCloudมากกว่าร้อยละ 10
- ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าผู้นำยุค Gen-Y มักจะเป็นกลุ่มที่มีความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของCloudมากที่สุด
ประโยชน์สูงสุด 3 ข้อ ที่ลูกค้ามองว่าได้รับจากที่ใช้งาน Office 365 คือ
- ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานให้กับพนักงาน
- ลดค่าใช้จ่ายด้านการวางระบบไอที
- ความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ
การเติบโตของ Office 365 ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค
Microsoft ได้เปิดตัว Office 365 เมื่อกลางปี พ.ศ. 2555 ปัจจุบัน Office 365 ได้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของMicrosoft ทุกๆหนึ่งใน 4 ของลูกค้าระดับองค์กรจะใช้งาน Office 365 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Office 365 เติบโตเร็วกว่าบริการCloudสาธารณะถึงสามเท่า เนื่องจากการเข้ามาของแนวโน้มอย่าง บีวายโอดี หรือการเลือกอุปกรณ์ใช้งานด้วยตนเอง ความจำเป็นที่ต้องการทำงานที่ใดก็ได้เพิ่มมากขึ้น และการทำงานร่วมกันเป็นทีมโดยผ่านเครื่องมือโซเชียลต่างๆ วันนี้Microsoftมีคู่ค้าหรือพาร์ทเนอร์มากกว่า 13,500 ราย ที่ให้บริการแก่ธุรกิจทุกขนาดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ลูกค้าที่ใช้บริการ Office 365 ได้แก่ Red Cross in Asia Pacific; Coles, Link Healthcare and V8 Supercars ประเทศออสเตรเลีย MedcoEnergi ประเทศอินโดนีเซีย MPH Group and KPJ Healthcare ประเทศมาเลเซีย Auckland Transport and Icebreaker ประเทศนิวซีแลนด์ Coca Cola FEMSA ประเทศฟิลิปปินส์ Kah Motor, SATS, และ Tiger Airways ประเทศสิงคโปร์
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Office 365 และการทดลองใช้ฟรี คลิ๊กที่นี่