การรู้วิธีคำนวณค่างวดและดอกเบี้ย เป็นหนึ่งในการเตรียมตัวและช่วยวางแผนด้านการเงินก่อนขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์มือสอง เพราะจะทำให้เราทราบภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบในแต่ละเดือน และสามารถวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการคำนวณค่างวดรถมือสองนั้นมีวิธีการที่ไม่ซับซ้อน หากเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานและสูตรการคำนวณ

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนคำนวณค่างวดรถมือสอง

ก่อนจะเริ่มคำนวณค่างวดรถมือสอง เราจำเป็นต้องทราบข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้การคำนวณแม่นยำและใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ประกอบด้วย

  • ราคารถยนต์มือสอง – ราคาที่ตกลงซื้อขายกับผู้ขาย
  • เงินดาวน์ – จำนวนเงินที่ต้องจ่ายล่วงหน้า คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคารถ
  • ยอดจัดไฟแนนซ์ – ราคารถหลังหักเงินดาวน์
  • อัตราดอกเบี้ย – อัตราที่สถาบันการเงินกำหนด
  • ระยะเวลาผ่อน – จำนวนเดือนหรือปีที่ต้องการผ่อนชำระ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) – 7% ของยอดรวมสินเชื่อและดอกเบี้ย

อัปเดตอัตราดอกเบี้ยรถมือสอง 2568

ในปี 2568 อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์มือสองมีการปรับตัวให้เกิดความเหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ทุก ๆ 3 ปี โดยสถาบันการเงินส่วนใหญ่กำหนดอัตราดอกเบี้ยรถมือสองไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุรถ ประวัติเครดิตของผู้กู้ และเงื่อนไขการผ่อนชำระ

สูตรคำนวณค่างวดรถมือสองแบบง่าย ๆ

การคำนวณค่างวดรถมือสองสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

  • คำนวณยอดจัดไฟแนนซ์ = ราคารถ – เงินดาวน์
  • คำนวณดอกเบี้ยต่อปี = ยอดจัด × อัตราดอกเบี้ย (%)
  • คำนวณดอกเบี้ยตลอดสัญญา = ดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนปีที่ผ่อน
  • คำนวณยอดรวมสินเชื่อและดอกเบี้ย = ยอดจัด + ดอกเบี้ยตลอดสัญญา
  • คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม = ยอดรวมสินเชื่อ × 7%
  • คำนวณค่างวดต่อเดือน = (ยอดรวมสินเชื่อ + VAT) ÷ จำนวนเดือนที่ผ่อน

ตัวอย่างการคำนวณค่างวดรถมือสอง

สมมติว่าเราต้องการซื้อรถมือสองราคา 500,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ดาวน์ 20% = 100,000 บาท
  • ยอดจัด = 400,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี
  • ระยะเวลาผ่อน 5 ปี (60 เดือน)

สำหรับวิธีการคำนวณค่างวดรถมือสองต่อเดือน มีดังนี้

  • ดอกเบี้ยต่อปี = 400,000 × 4% = 16,000 บาท
  • ดอกเบี้ยตลอดสัญญา = 16,000 × 5 = 80,000 บาท
  • ยอดรวมสินเชื่อ = 400,000 + 80,000 = 480,000 บาท
  • VAT = 480,000 × 7% = 33,600 บาท
  • ยอดรวมทั้งหมด = 480,000 + 33,600 = 513,600 บาท
  • ค่างวดต่อเดือน = 513,600 ÷ 60 = 8,560 บาท

สรุปบทความ

การคำนวณค่างวดรถมือสองเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างรอบคอบ นอกจากค่างวดรถแล้ว ผู้ซื้อควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะตามมา เช่น ค่าประกันภัย ค่าบำรุงรักษา และค่าน้ำมัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างสบาย ๆ การเข้าใจวิธีคำนวณและวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้การผ่อนรถเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

สุดท้ายนี้สำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสอง แต่ยังไม่รู้จะขอสินเชื่อที่ไหนดี สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว ทีทีบีไดรฟ์ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน สมัครง่าย รู้ผลอนุมัติไวใน 30 นาที และยังผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน จึงตอบโจทย์คนอยากได้รถมือสอง ที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 7.48% – 15.00% ต่อปี

หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial