WeTV เตรียมรุกตลาดสตรีมมิงในประเทศไทยเต็มกำลังหลังจากเติบโตกว่า 63% ในปี 2021 และก้าวเป็นอันดับ 1  แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานแบบรับชมโฆษณา (AVOD) ภายใต้กลยุทธ์การตลาด “3X”: 1. Expansion – ขยายการเข้าถึง คอนเทนต์ของ WeTV ในทุกมิติทั้งซีรีส์จีนไทยเกาหลีและญี่ปุ่นพร้อมเติมพอร์ตโฟลิโอกลุ่มอนิเมะซีรีส์วายรายการวาไรตี้และอีสปอร์ตควบคู่กับจับมือพันธมิตรใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง 2. Extra Experience – เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงครบรสด้วยฟีเจอร์และกิจกรรมสนุกๆตามแบบฉบับเฉพาะของ WeTV และ 3. Exclusivity – มอบความ เอ็กซ์คลูซีฟที่เหนือกว่าทั้งรับชมคอนเทนต์ที่แรกดูย้อนหลังและออริจินัลคอนเทนต์ที่ดูได้ที่ WeTV ที่เดียวยึดออริจินัลคอนเทนต์จีนและไทยเป็นหัวหอกในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนตั้งเป้าเติบโตในไทย 3 เท่าพร้อมครองตำแหน่งผู้นำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2023 รวมถึงก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่มีคอนเทนต์เอเชียที่ผู้ใช้งานชื่นชอบมากที่สุด 

WeTV-Always-More-2022_Infographic_TH-(3)

มร.ไคเชินลี Head of WeTV and IFlix, SEA กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดวิดีโอสตรีมมิง หรือ Over-the-top (OTT) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 180 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนการเข้าถึง 31% โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  57% ของผู้ใช้งาน OTT ใช้เวลาไปกับการรับชมคอนเทนต์วิดีโอสตรีมมิงมากขึ้น สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของ WeTV ทั่วโลก โดยมียอดผู้ใช้งานรายเดือน (Monthly Active Users หรือ MAU) มากกว่า 45 ล้านราย (มกราคม-สิงหาคม 2564) ยอดชมวิดีโอมากกว่า 25 ล้านวิวต่อวัน นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิกของ WeTV ยังเติบโตขึ้นมากกว่า 150% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยตลาดสำคัญจะอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำโดยไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม”

นางสาวกนกพรปรัชญาเศรษฐประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการขายและผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทยบริษัทเทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันแนวโน้มการเสพคอนเทนต์บน OTT เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของ WeTV ในประเทศไทยพบว่า คนไทยให้การยอมรับ WeTV เป็นอย่างดี โดยในช่วงมกราคมถึงสิงหาคมของปี 2021 WeTV มียอดผู้ใช้งาน DAU เพิ่มขึ้นถึง 63% จากปี 2020 และยังเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ที่มีผู้ใช้งานแบบรับชมโฆษณา (Advertising Video On Demand – AVOD) และเป็นอันดับ 2 ในส่วนของผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิก (Subscription Video On Demand – SVOD) โดยใน 6 เดือนแรก WeTV มียอดผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) เฉลี่ยสูงถึง 13 ล้านคน”

“ขณะที่กลุ่มผู้ชมส่วนใหญ่ของ WeTV จะเป็นผู้หญิง 70% และผู้ชมกลุ่มหลักมีอายุเฉลี่ย 18-24 ปี มีสัดส่วน 29% และ 25-34 ปี มีสัดส่วน 26% สำหรับประเภทของคอนเทนต์ที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นใน WeTV ได้แก่ คอนเทนต์จีน ที่ตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ของคอนเทนต์จีนได้อย่างสง่างามด้วยอัตราการเติบโตถึง 137% คอนเทนต์ไทย 40% และคอนเทนต์อนิเมะ 93% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ WeTV มาจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย ด้วยพันธมิตรทางคอนเทนต์มากกว่า 40 ราย เพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์ให้กับผู้ชมในประเทศไทย รวมถึงมีการนำเสนอคอนเทนต์เอเชียที่ครอบคลุมทุกความต้องการทั้งจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ ละคร ภาพยนตร์ อนิเมะ และรายการวาไรตี้ต่างๆ รวมกว่า 800 คอนเทนต์ในแพลตฟอร์ม หรือมีจำนวนคอนเทนต์รวมกว่า 1 ล้านนาที”

เพื่อสานต่อความสำเร็จดังกล่าว WeTV ประเทศไทยได้วางแนวทางการดำเนินงานในปี 2021-2023 ภายใต้กลยุทธ์ “3X” เป็นอาวุธสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตต่อจากนี้ได้แก่

Expansion – ขยายการเข้าถึงคอนเทนต์ของ WeTV ในทุกมิติ ทั้งการเพิ่มคลังคอนเทนต์ทั้งซีรีส์จีน ไทย เกาหลี และญี่ปุ่น ขยายพอร์ตโฟลิโอในกลุ่มอนิเมะที่เป็นคอนเทนต์ที่กำลังมาแรง ซีรีส์วาย รายการวาไรตี้ และอีสปอร์ต ควบคู่กับจับมือพันธมิตรทั้งพันธมิตรกลุ่มสถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้ชมโทรทัศน์ และเพิ่มโอกาสการเข้ามาใช้แพลตฟอร์ม WeTV ได้มากขึ้น อีกทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรผู้นำธุรกิจในหลายแวดวง ทั้งกลุ่ม Telco กลุ่มบริการชำระเงิน  กลุ่ม OTT Device เพื่อเพิ่มช่องทางในการรับชมออนไลน์ และอำนวยความสะดวกในการชำระค่าบริการให้แก่ผู้ชมมากขึ้น อีกทั้ง WeTV ยังจับมือกับไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มอย่างธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจเดลิเวอรี่ หรือการแลกคะแนน ฯลฯ และพันธมิตรในเครือเทนเซ็นต์ ประเทศไทย อย่าง Sanook, JOOX, PUBG MOBILE และ WeComics เพื่อเพิ่มช่องทางในการรับรู้กับผู้ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ของ WeTV ได้มากขึ้น 

Extra Experience – เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงครบรสด้วยการนำเสนอฟีเจอร์เด่นเฉพาะตัว เช่น ฟีเจอร์ Flying comment ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงด้วยยอดโตกว่า 3 เท่า และมีจำนวนคอมเมนต์ถึงกว่า 1.5 ล้านคอนเมนต์ต่อเดือน ฟีเจอร์ Ins-screen ฟีเจอร์ Vote ฟีเจอร์พิเศษกับการสะสม “VIP Digital Gift Card” เพื่อมอบเป็นของขวัญและแบ่งปันความบันเทิงให้เพื่อนๆ ฟีเจอร์ Fast Track ที่มียอดใช้เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 4 เท่าจากปี 2020 และฟีเจอร์ Rent การเช่าชมคอนเทนต์พิเศษบนแพลตฟอร์ม การถ่ายทอดสดรายการในรูปแบบต่างๆ อาทิ วาไรตี้ และอีสปอร์ต อีกทั้งการสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง โดยสร้างประสบการณ์ร่วมแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้ผู้ชมผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เชื่อมโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เช่น กิจกรรมแฟน    มีตติ้งกับ WeTV Global Brand Ambassador ทั้งหมดนี้เพื่อมอบประสบการณ์ร่วมให้ผู้ใช้งานอยู่กับ WeTV ได้นานยิ่งขึ้น

Exclusivity – มอบความเอ็กซ์คลูซีฟที่เหนือกว่า ทั้งรับชมคอนเทนต์ที่แรก (First Run) ดูย้อนหลัง (Rerun) และการคัดสรร         คอนเทนต์คุณภาพทั้งออริจินัลคอนเทนต์ของจีน และไทยมานำเสนอให้แฟนๆ ชาวไทยชมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากเทนเซ็นต์วิดีโอ ทั้งซีรีส์ฟอร์มใหญ่หรือรายการวาไรตี้จากจีน และคอนเทนต์ที่มาจากพันธมิตรผู้ผลิตรายใหญ่ของไทย ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มที่ผลิตออริจินัลคอนเทนต์ไทยที่มากที่สุด โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ WeTV จับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัว WeTV ORIGINAL ออริจินัลคอนเทนต์ไทยทั้งหมด 13 เรื่อง นำทัพความบันเทิงด้วย “เมียหลวง” “เด็กฝึกหน้าใส เติมหัวใจนายหญิง” “กลรักรุ่นพี่” “Bangkok Fable” และ “ออฟฟิศติดฮา” เตรียมเปิดจอรอชมได้ที่แอปพลิเคชัน WeTV เท่านั้น

จากกลยุทธ์การตลาด ‘3X: Expansion – Extra Experience – Exclusivity’ ที่เราวางไว้โดยมีออริจินัลคอนเทนต์ทั้งจีนและไทยเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการจับมือกับพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมและการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ WeTV มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเติบโตในไทย 3 เท่าพร้อมขึ้นเป็นผู้นำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2023 ก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่มีออริจินัลคอนเทนต์เอเชียที่ผู้ใช้งานชื่นชอบมากที่สุดผลักดันคอนเทนต์ไทยสู่เวทีตลาดโลกสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงไทยรวมถึงเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับลูกค้านักการตลาดมีเดียเอเยนซี่ชั้นนำได้อย่างมีประสิทธิภาพนางสาวกนกพรกล่าวทิ้งท้าย

สามารถติดตามคอนเทนต์คุณภาพจากทั่วทั้งเอเชียได้ที่แอปพลิเคชัน WeTV และ www.WeTV.vip พร้อมติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทางโซเชียลมีเดีย WeTV Thailand ทุกช่องทาง