สมาร์ทโฟน 2018 รุ่นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น Honor 10 หลังจากเปิดตัวในราคาสุดถูก ซึ่งไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คุ้ม ได้ทั้งกล้องคู่ AI Camera สเปคสุดแรงพร้อมวัสดุสุดหรู ดีไซน์เทียบชั้นสมาร์ทโฟนราคาสองสามหมื่นได้สบาย นอกจากนี้ออเนอร์ยังไม่กั๊กสเปค ให้ความจุมาแบบไม่หวง 128 GB นาทีนี้ราคาหมื่นกว่าบาท ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว ดีไม่ดีคนที่ตั้งงบไว้สองหมื่นกว่าบาทอาจปันใจเปลี่ยนมาซื้อรุ่นนี้แทน
Honor 10
ก่อนอื่นมาพูดถึงราคากันก่อน Honor 10 รุ่นนี้กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทย วันที่ 6 มิถุนายน 2018 แต่ข่าวดีก็คือเราสามารถสั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงก่อนวันเปิดตัว โดยจะได้รับของแถมรวมมูลค่า 2,580 บาท หากใครสนใจสามารถเข้าไปจองได้ที่ Lazada มีสองสีให้เลือก (Midnight Black กับ Phantom Blue) ราคา 13,990 บาท นับว่าเป็น สมาร์ทโฟน 2018 ที่คุ้มเงินสุดในตอนนี้
ออเนอร์ได้จัดให้ Honor 10 อยู่ในตระกูล N ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดในทั้งหมด 4 ซีรี่ส์ (View, N, X, Lite) หนักเน้นไปที่ประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด แต่ก็ยังคงความสวยงามในการออกแบบ ซึ่งจุดเด่นรุ่นนี้นั้นมีหลากหลาย แต่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็จะเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อยู่ในตัวเครื่อง หากสรุปแล้วจะแบ่งรุ่นดังนี้
- Honor View : เน้นความทนทาน
- Honor N : เน้นประสิทธิภาพสูงสุดและความสวยงาม
- Honor X : เน้นความทันสมัยและเข้าถึงได้ง่าย
- Honor Lite : เน้นคุณสมบัติใหม่ ๆ
จะเห็นได้ว่าตระกูล N ไม่เพียงแค่ประสิทธิภาพ แต่ยังมีต่อท้ายคำว่าความสวยงามอีกด้วย ดังนั้นดีไซน์และวัสดุของมันจึงย่อมไม่ธรรมดา มีทั้งการใช้สี วัสดุ และการตกแต่งขั้นสุดท้าย (CMF) โดยก่อนหน้านี้ Honor 8 และ Honor 9 ก็เคยได้รับรางวัลด้านการออกแบบมาแล้วเช่นกัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ารุ่นล่าสุดนี้จะสวยขนาดไหน
เริ่มต้นจากวัสดุลืมพลาสติกไปได้เลย และถึงแม้อลูมิเนียมจะได้ความแข็งแรง แต่ก็ไม่อาจมอบความสวยงามขั้นสูงสุดให้ได้ ออเนอร์จึงเลือกใช้วัสดุกระจกแบบ 2.5D ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยแต่ละด้านประกอบไปด้วยกระจกจำนวน 15 ชิ้น หยิบนำมาซ้อนกันด้วยความปราณีต เพื่อให้เกิดความมันวาวราวสะท้อนกับแสงที่มุมต่างกันออกไป
น่าเสียดายที่รุ่นนี้เป็นสี Midnight Black จึงอาจไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่นัก (แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนสีสุภาพ) แต่หากเป็น Phantom Blue หรือ Phantom Green คุณจะพบว่าสีมันไล่ระดับ และเปลี่ยนไปทุกครั้งเมื่อขยับหรือเปลี่ยนมุมมอง แถมสีม่วงในนั้นยังเป็นสีที่ Pantone ประกาศให้ Ultra Violet เป็นสีของปี 2018
ทั้งหมดอาศัยหลักการสะท้อน การหักเหของแสง การรบกวนของแสง และการเบี่ยงเบนของแสง โดยกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นผ่านอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ เพื่อประกอบแต่ละชั้นเข้าด้วยกัน แถมยังใช้เวลาเทียบเท่าการผลิตสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง (ในขณะที่ยังได้แค่ฝาหลัง) มั่นใจได้ถึงความงามที่เป็นเอกลักษณ์
ตัวเครื่องเลือกใช้ USB-C ตามสมัยนิยมของ สมาร์ทโฟน 2018 (รองรับชาร์จเร็ว 5V/4.5A SuperCharge) แต่ก็ยังคงมาพร้อมกับ 3.5 มม. นอกจากนี้ยังมีชิปเซ็ต AI พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลพิเศษ แถมให้มาแบบไม่กั๊กสเปคด้วย RAM 4 GB + ROM 128 GB ส่วนกล้องหลังเป็นเลนส์คู่ 20 MP + 16 MP, กล้องหน้า 16 MP นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย EMUI 8.1
เกริ่นกันอีกนิดในกล้องคู่ ซึ่งเราจะขยายความเพิ่มทีหลัง โดยกลังหลังจะเป็นกล้องขาวดำ (20 MP) และกล้องสี (16 MP) รูรับแสง F/1.8 ซึ่งทั้งคู่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้โฟกัสที่เร็วขึ้น แถมยังให้ประสบการณ์ถ่ายภาพเทียบชั้นมืออาชีพ เมื่อทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลพิเศษ NPU ภายในชิปเซ็ต AI
สแกนนิ้วมือเป็นสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะรุ่นนี้ “แตกต่าง” จากสมาร์ทโฟนทั่วไป เนื่องจากเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังบนกระจก เรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องเลย (แต่ที่เห็นในภาพคือติดฟิล์มกันรอยไว้) นับเป็นอะไรที่ใหม่มากและเป็นครั้งแรกของ Ultrasonic Fingerprint ใช้งานได้ทั้งตอนนิ้วเปียก เท่าที่ทดสอบมันเร็วมากครับ
ในบางครั้งเราก็ไม่สะดวกสแกนใบหน้า และในบางครั้งเราก็ไม่สะดวกสแกนนิ้วมือ ดังนั้นออเนอร์จึงใส่มาให้ทั้งคู่แบบไม่ต้องเลือก ด้วยความเร็วสแกนใบหน้าระดับ 0.064 วินาที จากการที่ได้ทดสอบคือมันเร็วมาก หยิบขึ้นมาก็ปลดล็อคได้ชนิดที่ว่าพร้อมใช้งานเลย
ความกว้างของช่วงสีที่จอภาพรองรับถึง 96%
ส่วนหน้าจอไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็น FullView 2.0 หน้าจอไร้ขอบขนาด 5.84″ อัตราส่วน 19:9 ทำให้มีพื้นที่แสดงผลถึง 86% ของตัวเครื่อง แต่เห็นหน้าจอใหญ่แบบนี้แต่ขนาดจริงตัวเครื่องกลับไม่ใหญ่ตาม สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว
AI Camera
การถ่ายรูปของ Honor 10 มีลูกเล่นเยอะมากจนเล่าไม่หมด (เยอะจริง) สรุปแบบสั้นก็คือมันมีชิปเซ็ต AI พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลพิเศษ Neural Processing Unit (NPU) แบบอิสระภายใน พูดภาษาชาวบ้านก็คือกล้องมันรับรู้ถึงสิ่งที่เราจะถ่าย และปรับการตั้งค่าให้เราโดยอัตโนมัติ เพื่อที่ว่าจะทำให้เราได้ภาพที่ดีที่สุด
รู้จักภาพ 500 ประเภทใน 22 หมวดหมู่
สมัยก่อนเราเชื่อว่าคอมพิวเตอร์คิดเองไม่เป็น แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยให้กล้องเรียนรู้ได้ว่าตอนนี้เรากำลังถ่ายภาพคน, ต้นไม้, วิว, สัตว์เลี้ยง, ฯลฯ แถมรุ่นนี้ไม่ได้รับรู้แค่เพียงวัตถุอย่างเดียว แต่ยังสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อยู่รอบข้างวัตถุได้อีกด้วย เช่น ต้นไม้, ท้องฟ้า, คน, น้ำตก, ฯลฯ (อย่างในภาพลูกเกดที่อยู่ในโหลมันก็ยังรู้)
ตัวอย่างภาพลูกเกดด้านบนคือในโหมด Auto และ AI ซึ่งจะเห็นได้ว่ากล้องรับรู้ว่าเป็นอาหาร (และเปลี่ยนการตั้งค่าให้) ทำให้ได้ภาพสีสดใสน่าทานเหมาะกับอาหาร จากเดิมที่เป็นภาพแบบตุ๋น ๆ ธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าหากเป็นภาพชนิดอื่นก็อาจมีการตั้งค่าที่แตกต่างกันไป ช่วยให้คนที่ไม่มีทักษะในการถ่ายภาพสามารถได้รูปสวย ๆ แบบมืออาชีพ
ลองเปลี่ยนจากลูกเกดเป็นมะกรูด AI มันก็รู้ว่าไม่ใช่อาหาร เลยทำการเปลี่ยนเป็นโหมดธรรมชาติ (พืช) ให้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดกล้องใหม่ สีที่ได้ก็สวยงามดีเป็นเขียวที่สดใสน่ามองตา แต่หากคุณไม่ชอบก็สามารถเอาออกได้ครับ
และด้วยความที่กระแสเดี๋ยวนี้ฮิต AR กับ 3D ทางออเนอร์ก็จัดเต็มให้เช่นกัน มีลูกเล่นอื่นอีกเพียบ เช่น การปรับแสงไฟแบบสตูดิโอ, สโลว์โม, ถ่ายภาพบุคคล, ถ่ายหน่วงเวลา, ถ่ายวาดแสง, ปรับความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสง, ฯลฯ
ความกังวลเกี่ยวกับ “ติ่ง” หน้าจอที่หลายคนกังวล อันนี้อยากบอกว่าเฉย ๆ มากครับ ถึงแม้จะเป็นสัดส่วน 19:9 แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเต็มหน้าจอ (ยกเว้นแต่พยายามขยายมันแบบในภาพนี้) เพราะพื้นที่ด้านบนจะเว้นไว้ให้กับพวกการแจ้งเตือนและสถานะแบตเตอรี่, เครือข่าย, ฯลฯ และจากที่ทดสอบทั้งดูหนังรวมถึงเล่นเกมก็ปกติดีครับ
EMUI 8.1
Honor 10 มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย EMUI 8.1 ทำให้มั่นใจได้ถึงความลื่นไหลและความปลอดภัยล่าสุดที่ Google มอบให้มาตั้งแต่เริ่มใช้งาน (ไม่ต้องรอลุ้นอัปเดตให้เสียเวลา) การใช้งานเรียบง่าย แต่ก็ยังแฝงไปด้วยลูกเล่นอีกมากมายให้รอการค้นหา ยกตัวอย่างอันนี้ผมชอบก็มี
- บันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอ
- บันทึกหน้าจอเป็นภาพแบบยาว
- การกำหนดพื้นที่ส่วนตัว, ล็อคแอปฯ, เข้ารหัสไฟล์
- แชร์ไฟล์จากคอมฯ ในเครือข่าย (Huawei Share)
- โหมดป้องกันการรบกวนเล่นเกม (Game Suite)
- รีโมทอินฟราเรดควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า
- โคลนแอปพลิเคชัน
- แบ่งสองหน้าจอ
อันนี้เพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น เพราะเท่าที่ดูมันมีลูกเล่นอีกเยอะ ส่วนใครไม่ถนัดใช้ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจากที่ลองเล่นดูเมนูทั้งหมด ภาษาไทย แปลเสร็จเรียบร้อยเข้าใจง่ายครับ คีย์บอร์ดมีให้เลือกทั้งแบบดั้งเดิม (ตัวอักษรวางเรียบร้อยสวยงาม) และแบบภาษาไทยตัวใหญ่เต็มตาเอาใจผู้สูงวัย
ตัวเครื่องถึงแม้จะระบุว่า 128 GB แต่หลังจากติดตั้งระบบปฏิบัติการเรียบร้อยเปิดใช้มาเหลือ 113 GB ซึ่งก็เหลือเฟือพอที่จะติดตั้งแอปพลิเคชันและเกม รวมถึงใส่หนังหลายเรื่องได้อย่างสบาย ส่วนใครชอบถ่ายรูปก็เก็บกันได้เลยไม่ต้องคอยมานั่งลบออก แรมให้มา 4 GB กำลังดีตามสมัยนิยมและเหลือให้ใช้อีก 1.23 GB ลื่นไหลไม่มีกระตุก
อย่างที่บอกคือกล้องมีลูกเล่นเยอะมาก จึงขอพูดเฉพาะส่วนที่ใช้กันบ่อยอย่างการปรับรูรับแสง (เบลอหลัง) สามารถทำได้ถึง F/0.95 นอกจากนี้ยังสามารถจัดแสง 3D ได้แบบไฟสตูดิโอ (มีให้เล่นเยอะมาก) และโหมดที่ขาดไม่ได้ก็คือ AI Camera นั่นเอง ซึ่งหากถ่ายและไม่ชอบที่มันปรับมาก็สามารถแก้ไขทีหลังได้ครับ
ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu ได้คะแนนไปถึง 200,205 คะแนน จึงสามารถเรียกได้เต็มปากว่ามันเป็นหนึ่งในเรือธงของ สมาร์ทโฟน 2018 คุ้มเงินที่สุดในตอนนี้ และเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ได้คะแนนสูงที่สุดในตอนนี้อยู่ที่ 264,638 คะแนน แต่ราคาเปิดตัวสามหมื่นกว่าบาท จึงไม่แปลกใจที่หลายคนเริ่มหันมามอง Honor 10 ที่ถึงแม้สเปคจะด้อยกว่าแต่คุ้มราคากว่ามาก
Camera
ด้านบนจะเป็นความพยายามเทียบโหมด Auto (ซ้าย) กับ AI (ขวา) ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร เกี่ยวกับสีของภาพและความสวยงามที่ได้ โดยส่วนตัวเปิดโหมด AI ถ่ายสัก 10 รูปจะประทับใจสัก 9 รูป ซึ่งน้อยมากที่รูปจะออกมาแล้วไม่พอใจ เช่น สีเพี๊ยนเกินความต้องการ แต่ถึงอย่างไรเราก็สามารถเลือกเอาออกได้ครับ
ด้านบนจะเป็นตัวอย่างภาพถ่ายจาก Honor 10 ซึ่งเปิดโหมด AI Camera ทุกรูป และไม่มีการแก้ไขภาพนอกจากเพียงแค่ย่อขนาด เพื่อให้สามารถแสดงผลบนเว็บไซต์ได้อย่างลื่นไหล แต่หากใครต้องการดูภาพต้นฉบับทั้งหมดสามารถไปดูได้ที่ Imgur จากลิงก์ที่ด้านล่าง
สรุป
สมาร์ทโฟน 2018 คุ้มเงินที่สุดในตอนนี้ จัดเต็มมาด้วยสเปคเกือบทุกด้าน ในราคาเพียงแค่หมื่นกว่าบาท ได้แม้กระทั่ง NFC ใส่ซิมได้สองซิม 4G มีทั้งสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ ยังไม่วายมีรีโมทอินฟราเรดฝังมาให้อีก ส่วนคุณภาพของ AI Camera เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ คุ้มขนาดนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว (ในตอนนี้) น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่ว่าไม่มีโปรโมชั่นร่วมกับค่ายมือถือ ไม่งั้นจะยิ่งถูกลงไปกว่านี้อีก!
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial