ยุคนี้ Intel ประกาศชัดเจนว่าเป็นยุคของ Ultrabook เพื่อที่จะชิงส่วนแบ่งจาก Tablet ให้ได้ แต่ส่วนตัวผมมองว่าผมถนัดที่จะทำงานผ่าน Notebook/Laptop มากกว่า Tablet และยุคนี้ยังไงก็ต้องการคุณสมบัติของ Ultrabook เป็นหลัก ด้วยเหตุผลที่ว่า “เร็ว บาง เบา แบตเตอรี่ยาวนาน” แต่ข้อเสียของมันก็คือ “กราฟฟิคการ์ดไม่แรง” (อันนี้รับได้เพราะไม่เล่นเกม) และ “เนื้อที่ SSD น้อย” (อันนี้ปัญหาใหญ่เลยเพื่อแลกกับความเร็ว)
WD My Passport Ultra สามารถหาซื้อได้ผ่าน Distributors in Thailand สำหรับราคาจะอยู่ที่
- WD My Passport Ultra 500 GB ราคา 2,290 บาท
- WD My Passport Ultra 1TB ราคา 2,990 บาท
สำหรับฟีเจอร์หลัก ๆ ของ WD My Passport Ultra ตามที่เคย Meeting กับคุณ “ธนพัฒน์ เลาห์ขจร” (ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำประเทศไทย) จุดขายของตัวนี้อยู่ที่ระบบ Auto Backup ที่ Sync กับ Dropbox ภายในมากกว่า ส่วนเรื่องความบางนั้นจะอยู่ในระดับกลาง ๆ เนื่องจากเป็นรุ่น Ultra ไม่ใช่ Slim ครับ (WD My Passport Ultra รุ่น 1TB จะหนากว่ารุ่น 500GB อยู่ประมาณ 3 มม.)
มีระบบ Local & Cloud Backup ในตัว (Software มีอยู่ใน WD My Passport Ultra)
WD My Passport Ultra Made in Thailand!
อีกหนึ่งความภูมิใจที่ได้ใช้ Product of Thailand จาก WD ครับ จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างงานสร้างอาชีพ ให้กับคนในประเทศ สำหรับระยะเวลาการรับประกันอยู่ที่ 3 ปี และฟรี 30 วันสำหรับการให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ครับ สนใจลองอ่านรายละเอียดที่ http://www.wdc.com
แกะกล่อง WD My Passport Ultra ภายในก็มี HDD 2.5″ ในขนาดที่บางพิเศษ แล้วก็สาย USB 3.0 นอกจากนั้นยังแถมซองผ้ามาให้ด้วยครับ
ดูดีมากเลยทีเดียว ตัววัสดุ WD My Passport Ultra ทำมาจากพลาสติกงานสีและรอยต่อทำออกมาได้ดีมากครับ ดูทันสมัยและไม่เชยแล้ว เย้! (WD รุ่นเก่า ๆ หน้าตาโบราณมาก) ขนาดกะทัดรัดสามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้สบาย
ด้านล่างเป็นพลาสติกดำด้านมีจุกยางกันลื่นอยู่ 4 จุด
ขนาดเมื่อเทียบกับฝ่ามือ
เมื่อเสียบกับ PC สามารถใช้งานได้เลย และภายใน WD My Passport Ultra มีทั้งคู่มือและ Software สำหรับใช้งาน แต่ถ้าหากใช้กับ Mac จะไม่ได้ครับต้อง Format ก่อน
ไฟแสดงสถานะมีดวงเล็ก ๆ อยู่ใกล้ ๆ กับพอร์ท USB ซึ่งจะแสดงสถานะ 2 สีด้วยกัน
- สีฟ้า : กำลังใช้งานบนมาตรฐาน USB 3.0
- สีขาว : กำลังใช้งานบนมาตรฐาน USB 2.0
นอกจาก Software ทั่ว ๆ ไปตอนนี้อยากบอกว่า WD มี App WD 2go (Android, iOS) และ WD Photos (Android, iOS) สำหรับใช้กับพวกตระกูล My Book® Live™, My Book Live Duo หรือ My Net™ N900 อะไรพวกนี้ ซึ่งใช้กับ WD My Passport Ultra ไม่ได้นะครับเนื่องจากเป็นไดรว์พกพา
WD Apps Setup
พระเอกของเราในงานนี้ซึ่งมาพร้อมกับ WD My Passport Ultra สามารถติดตั้งลงเครื่องได้ทันทีครับ (จากนั้นจะให้ Activate เพื่อเอา S/N อีกที) เมื่อติดตั้งแล้วจะได้ถึง 3 โปรแกรมด้วยกัน
WD Security
แต่ก่อนเนี่ยเชื่อไหม? ว่าผมมีความหลังฝังใจเกี่ยวกับโปรแกรมที่แถมมากับ External HDD ใช้ไปค้างไป บางโปรแกรมล็อครหัสแต่ดันไปเสียบกับ Mac แล้วเปิดได้เฉยเลย ครั้งนี้มีโอกาสจึงของลอง WD Security ว่ามันจะเจ๋งดีไหม?
เรื่องฟีเจอร์เนี่ยผมก็คิดว่ามันเจ๋งพอตัวเลยนะ นอกจากจะกำหนดรหัสผ่านได้ถึง 25 ตัวอักษร ยังมีระบบ Auto Unlock เมื่อเราใช้ User ประจำเราด้วย
อย่างเช่นถ้าตามภาพผมใช้ก็คือ “Keerati Andurat” เป็นเครื่องที่บ้านผม (ผมล็อครหัสเครื่องไว้อยู่แล้ว) ถ้าหากหลานหรือคนในบ้านผมมาใช้เครื่อง แล้ว Login ผ่าน User อื่นหรือเอา WD My Passport Ultra ไปใช้กับเครื่องอื่นมันจะถามหารหัสผ่านตามปกติ แต่ถ้าผมเสียบกับ User “Keerati Andurat” ผมก็จะไม่ต้องเสียเวลามาใส่รหัสผ่านเลย เจ๋งไหมล่ะ!
WD Drive Utilites
อีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจที่แถมมากับ WD My Passport Ultra เช่นเดียวกัน หน้าที่หลัก ๆ ก็คือเอาไว้เช็คสุขภาพของ WD My Passport Ultra ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง มีปัญหาตรงไหนมั้ย ฯลฯ แล้วก็สามารถตั้ง Sleep Timer เพื่อประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานได้ ส่วน Drive Erase ใช้ล้างข้อมูลออกจาก WD My Passport Ultra แบบปลอดภัยชนิดกู้คืนไม่ได้เลย
WD SmartWare
ตัวนี้เป็นทีเด็ดที่สุดเมื่อเทียบกับทั้งหมด ช่วยในการ Backup ผ่าน WD My Passport Ultra หรือ Dropbox ก็ยังได้ (หรือจะ Backup Dropbox เข้า WD My Passport Ultra ก็ได้) ใช้งานง่ายมากครับ มีรูปประกอบต่อให้มือใหม่ก็ใช้ได้
เอาล่ะในเมื่อ WD My Passport Ultra โปรโมทว่าใช้กับ Dropbox ผมก็ลองใช้กับ Dropbox ซึ่งก็ติดตั้งตามโปรแกรมเรื่อย ๆ จะขึ้นหน้าให้เรา Allow กับ Dropbox
สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Backup แบบไหน (ตามภาพตอนนี้ผมยังไม่ได้เข้า Dropbox นะครับ แค่ลองดู PC > WD My Passport Ultra เฉย ๆ) ซึ่งในกรณีที่ใช้ PC > WD My Passport Ultra สามารถทำ Continous Backup ได้ด้วย
เอาล่ะกลับ Backup ด้วย HDD มันธรรมดาไป เรากลับมาสู่เรื่อง Dropbox Backup กัน ตรงนี้เราสามารถเลือกประเภทไฟล์ที่จะ Backup ได้ด้วย ส่วนระยะเวลาการ Backup อันนี้ทำ Realtime ไม่ได้ครับ ต้องตั้งเป็นเวลา ๆ พอถึงเวลาที่กำหนดมันจะทำให้เอง
ซึ่งไฟล์ที่ Backup ขึ้น Dropbox จะแบ่ง Folder ให้เรียบร้อยโดยใช้ชื่อว่า “SmartWare.swstor” จากนั้นก็จะแบ่งตามชื่อคอมพิวเตอร์ตามด้วย ก็สะดวกดีนะครับไม่ต้องลงโปรแกรมใด ๆ อีกเลย เพียงเท่านี้เราก็จะมี Cloud Backup ที่พกไปได้ทุกที่แล้ว
ข้อดี
- บาง เบา และพกพาสะดวก
- มีหลายสีให้เลือก (แดง, น้ำเงิน, เทา, ดำ)
- ได้โปรแกรม Backup เจ๋ง ๆ อย่าง WD SmartWare (ฟรี)
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรุ่นธรรมดา
สรุป
ราคาแพงนิดหน่อยซึ่งตรงนี้ต้องเข้าใจว่ามันแพงเพราะอะไร? ใช่ครับมันแพงเพราะมันบาง ส่วนอีกเรื่องคือ WD SmartWare ที่จะมาช่วยเสริมพลังให้ Dropbox ของเรา ถ้าใครชอบดีไซน์และซื้อมาแล้วใช้งานแล้วคุ้มก็ดีครับ แต่จะว่าไปราคามันก็ต่างกันเป็นพันซักหน่อย แลกกับความบางก็สมน้ำสมเนื้ออยู่แล้ว ไม่รู้จะคิดมากไปทำไม (ฮา)