SanDisk เปิดตัว SDXC Card 1TB ซึ่งเป็นการ์ด SD Card รุ่นใหม่ ที่มีความจุข้อมูลมากที่สุดในโลก และถ้าพูดถึง microSD หรือการ์ดความจำแล้ว เชื่อว่าหลายคนจะต้องมีใช้งานกันอย่างแน่นอน เพราะว่าทุกวันนี้ข้อมูลต่าง ๆ ก็มีความละเอียดที่สูงขึ้น จึงจำเป็นจะต้องใช้ การ์ดความจำที่มีความจุมากขึ้นด้วยนั่นเอง แต่การ์ดความจำหรือ microSD ก็มีให้เลือกใช้หลายแบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ? แล้ววันนี้การ์ดความจำที่คุณใช้อยู่ ถูกประเภทของมันจริง ๆ หรือเปล่า ?
SanDisk แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ?
ล่าสุดทีมงาน iReview.in.th ได้มีโอกาสไปร่วมงาน เปิดตัวการ์ดความจำ microSD ความจุขนาด 256 GB รวมไปถึง Extreme microSDXC UHS-I ความจุขนาด 256 GB เป็นการ์ดความจำ microSD ที่เร็วที่สุดในการ์ดความจำรุ่นเดียวกัน รวมถึง Ultra microSDXC UHS-I ความจุ 256 GB การ์ดความจำรุ่นพรีเมี่ยม ความจุขนาด 256 GB โดยการไปร่วมงานในครั้งนี้ก็ได้รับความรู้ในเรื่องของการ์ดที่อยากจะนำมาแบ่งปัน ซึ่งการ์ดความจำแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป แล้วจะเลือกใช้งานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
การ์ดความจำ SanDisk MicroSD มีอยู่ 4 ประเภท
1. SanDisk MicroSD UHS-I Card
- มีความจุขนาด 8-32 GB
- เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลทั่วไปที่ไม่มีความละเอียดสูง เหมาะสำหรับฟีเจอร์โฟนมากกว่า
- รับประกัน 5 ปี
2. SanDisk Ultra MicroSD UHS-I Card
- มีความจุขนาด 8-256 GB รุ่นพรีเมี่ยม
- เหมาะสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ไม่ต้องการเป็นกังวลกับพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล
- การ์ดความจำรุ่นใหม่นี้สามารถเก็บไฟล์วิดีโอแบบ HD ความยาวกว่า 24 ชั่วโมง ได้อย่างสบาย ๆ
- มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 95 MB ต่อวินาที
- ความเร็วระดับนี้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงถึง 1,200 รูปภายในเวลาเพียง 1 นาที
- รับประกัน 7-10 ปี (แล้วแต่รุ่น)
3. SanDisk Extreme MicroSD UHS-I Card
- มีความจุขนาด 16-256 GB
- สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 100 MB ต่อวินาที** ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาในการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่
- เช่นเดียวกับความเร็วในการเขียนข้อมูลที่สูงถึง 90 MB ต่อวินาที
- โดยผู้ใช้งานสามารถบันทึกวิดีโอ 4K UHD1 ได้นานถึง 14 ชั่วโมง
- รับประกันตลอดชีวิต
จากคุณสมบัติดังกล่าวนี้จึงทำให้รุ่น Extreme microSDXC UHS-I เป็นการ์ความจำในอุดมคติสำหรับผู้ใช้งาน โดรน กล้อง Action Camera และ สมาร์ทโฟนที่รองรับวิดีโอความละเอียดระดับ 4K
4. SanDisk Extreme Pro MicroSD UHS-II Card
- มีความจุขนาด 64-128 GB
- มีความสามารถในการอ่านเขียนข้อมูลความเร็วมากกว่ารุ่น Extreme MicroSD UHS-I Card มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 275 MB ต่อวินาที
- ความเร็วในการเขียนข้อมูลที่สูงถึง 100 MB ต่อวินาที
- รับประกันตลอดชีวิต
วิธีเลือกการ์ดความจำ
1. ประเภทของการ์ดความจำ
สำหรับประเภทของการ์ดความจำ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงหรือถ่ายโอนข้อมูล ตามที่กล่าวไว้ด้านบน
2. Card Capacity ความจุของการ์ดความจำ
ในปัจจุบันมีความจุของการ์ดความจำให้เลือกมากมาย แต่ด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลในปัจจุบันมีความละเอียดมากขึ้น จึงควรเลือกการ์ดความจำที่มีความจุสูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในอนาคตค่ะ ถ้าให้แนะนำสำหรับในปัจจุบันก็ควรมีติดไว้สัก 32 GB เบื้องต้นค่ะ
3. Speed Class ความเร็วในการบันทึกและถ่ายโอน
ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายระดับ ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะคุ้นหูกับ Class 4, Class 10, U3 เป็นต้น ซึ่งแต่ละตัวคืออะไรและมีความต่างกันอย่างไร ?
มันคือความสามารถในการอ่านเขียนข้อมูลความเร็ว MB ต่อวินาที เช่น Class 4 มีความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล 4MB ต่อวินาที Class 10 มีความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล 10MB ต่อวินาที ซึ่ง Class 10 กับ U1 จริง ๆ ก็คือตัวเดียวกันเพียงแค่เปลี่ยนสัญลักษณ์นั่นเอง และในอนาคตก็อาจจะใช้ V10 แทนการใช้ U1 ซึ่งจริง ๆ มันเป็นแค่สัญลักษณ์ในการบอกความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลนั่นเอง
- Class 10, U1, V10 ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล 10MB ต่อวินาที เหมาะสำหรับการบันทึกวีดีโอแบบfull HD
- U3, V30 ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล 30MB ต่อวินาที เหมาะสำหรับการบันทึกวีดีโอแบบ4K UHD
- V60 ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล 60MB ต่อวินาที เหมาะสำหรับการบันทึกวีดีโอแบบ 8K, วีดีโอ 360 องศา
4. MicroSD Card Format
การเลือกการ์ดให้เหมาะกับอุปกรณ์ โดย Micro SDHC กับ Micro SDXC จะต่างกันที่ HC รองรับ Slot ความจุสูงสุดที่ 32 GB ส่วน XC จะรองรับ Slot ที่มีความจุตั้งแต่ 32 GB ขึ้นไป ดังนั้นถ้าการ์ดมีความจุมากกว่า 32 GB ทางบริษัทฯ ก็จะใส่สัญลักษณ์เป็น XC
5. Sequential Speeds
ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและภาพถ่าย ยิ่งตัวเลขสูงก็ยิ่งมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและภาพได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันไฟล์ภาพและวีดีโอมีขนาดความละเอียดที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องเลือกใช้การ์ดที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงตามไปด้วยค่ะ และแน่นอนว่า Sequential Speeds ยิ่งสูง การถ่ายโอนข้อมูลยิ่งเร็ว ราคาก็ยิ่งแพงตามไปด้วยนั่นเอง
นี่ก็เป็นหลักการเบื้องต้นในการเลือกซื้อการ์ดความจำ ซึ่งในการเลือกซื้อแต่ละครั้งก็ควรจะต้องเลือกซื้อการ์ดให้เหมาะสมกับการใช้งานของอุปกรณ์ หรือถ้าใครยังไม่ค่อยเข้าใจคุณสมบัติของการ์ดความจำแต่ละรุ่นว่าเหมาะกับอุปกรณ์ชนิดไหน
ทางบริษัทฯ ก็มีสัญลักษณ์แสดงที่ผลิตภัณฑ์ให้ทราบถึงอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น เหมาะกับ Action Camera, รองรับ 4K, รองรับ Full HD เป็นต้น
เรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยทราบคือ “ลูกค้าที่ซื้อการ์ดความจำรุ่น Extreme และ Extreme PRO จะได้รับ RescuePro Deluxe Software ซึ่งเป็นโปรแกรมกู้ข้อมูล ฟรี 1 ปี มูลค่า $59.99″
ปิดท้ายกับผลิตภัณฑ์การ์ดความจำ ทางทีมงานหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเลือกซื้อการ์ดความจำ และขอย้ำอีกรอบว่าควรเลือกซื้อการ์ดความจำให้ตรงกับประเภทของการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ นะคะ
ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นอุปกรณ์ที่ดีและเร็วขนาดไหน แต่ถ้าใช้การ์ดความจำที่ไม่รองรับหรือมีค่า Speed ไม่เพียงพอ ก็จะทำให้อุปกรณ์นั้นแสดงผลข้อมูลออกมาช้าได้ค่ะ และทาง iReview.in.th ก็ต้องขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากทาง SanDisk ที่แชร์ความรู้มาให้ในครั้งนี้ด้วยนะคะ