อย่างที่หลายคนรู้ดีว่าการทำบัตรเครดิตนั้นเปรียบได้ดั่งการติดอาวุธทางการเงินไว้กับตัว เพราะบัตรที่ว่านี้จะช่วยให้ทุกการใช้จ่ายของเราเป็นเรื่องสะดวกมากกว่าที่เคย แต่อย่างไรก็ตามหากเราใช้อาวุธที่ว่านี้โดยปราศจากการคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา จากบัตรเครดิตที่ดีที่สุดอาจจะเปลี่ยนมาเป็นบัตรที่ให้โทษแก่คุณมากที่สุดก็เป็นได้ ซึ่งโทษของบัตรเครดิตที่เรากำลังพูดถึงนี้คือหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว แน่นอนว่าใครหลายคนคงไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ถ้ามันดันเกิดขึ้นมาจริงๆ ด้วยเหตุจำเป็นอะไรบางอย่าง บรรดาผู้ถือบัตรเครดิตควรมีวิธีจัดการเรื่องนี้ยังไงดี? เราเชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามนี้อยู่ในใจ ดังนั้นเราจึงขออาสารวบรวม 3 ลายแทงที่จะช่วยปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระจากหนี้บัตรเครดิต โดยที่อาจจะไม่ต้องปิดบัตรเครดิตเลยก็เป็นได้
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
ก่อนจะพูดถึงระบบการทำงานของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เราอยากจะขออธิบายความหมายของคำดังกล่าวให้ทุกคนได้เห็นภาพกว้างๆ กันเสียก่อน โดยหลักๆ แล้วการรีไฟแนนซ์คือการขอสินเชื่อเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการชำระหนี้ที่เกิดจากการทำบัตรเครดิต ซึ่งข้อดีของการรีไฟแนนซ์คือผู้ถือบัตรไม่จำเป็นต้องผ่อนเงินต่อเดือนในจำนวนที่สูงเหมือนกับการผ่อนหนี้บัตรเครดิต โดยเราสามารถแบ่งประเภทของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ดังนี้
สินเชื่อส่วนบุคคล
ดังที่บอกไปไหนข้างต้นว่าการรีไฟแนนซ์คือการที่เรากู้เงินมาเพื่อปิดหนี้บัตรเครดิต ซึ่งการขอสินเชื่อส่วนบุคคลนั้นเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะกู้เงินจากธนาคารที่เป็นเจ้าของบัตรของเราหรือจะกู้เงินจากธนาคารแห่งใหม่ หลังจากที่เราได้รับการอนุมัติแล้ว ธนาคารจะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เรานำไปปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ เมื่อเสร็จสิ้นตรงนี้แล้ว หน้าที่ที่เราต้องทำต่อคือการผ่อนเงินกู้ที่เรายืมมาจากธนาคารจนหมด
สินเชื่อบ้านแลกเงิน
จริงๆ แล้วต้องบอกว่าลักษณะการทำงานของสินเชื่อบ้านแลกเงินมีลักษณะที่ไม่ต่างจากการขอสินเชื่อส่วนบุคคลมากนัก แต่จุดที่ไม่เหมือนกันคือการขอสินเชื่อประเภทนี้จะใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดังนั้นจึงทำให้ค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจึงมีราคาถูกกว่าแบบแรกอยู่พอสมควร (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี)
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินใหม่
แน่นอนว่าวิธีที่จะช่วยให้เราแก้ปัญหาหนี้ที่เกิดจากการทำบัตรเครดิตได้ยั่งยืนที่สุดคือการแก้ปัญหาจากต้นเหตุ โดยเคล็ดไม่ลับที่เราอยากจะแชร์ให้กับทุกคนได้แก่การเริ่มคำนวณรายรับและรายจ่ายต่อเดือนเพื่อนำมาทำแผนการใช้จ่ายว่าส่วนนี้คือควรส่วนที่เราจะนำไปใช้จ่ายและเก็บออม ในขณะที่ส่วนที่เหลือนั้นมีไว้สำหรับการชำระหนี้บัตรเครดิตในแต่ละเดือน สำหรับใครที่อยากทำให้เป็นแบบแผนมากขึ้นอาจจะทำตารางรายรับรายจ่ายออกมาเพื่อเข้าใจพฤติกรรมการจับจ่ายของตัวเองและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้อย่างตรงจุด
และทั้งหมดก็คือ 3 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยปลดล็อกคุณจากกับดักหนี้บัตรเครดิต สุดท้ายนี้ก่อนจากกันไปเราอยากจะขอย้ำอีกสักหนึ่งรอบว่าการทำบัตรเครดิตนั้นสามารถก่อให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษได้ในคราวเดียวกัน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ตามมาในภายหลัง เราอยากจะให้ทุกคนคิดให้ถี่ถ้วนก่อนการใช้จ่ายในแต่ละครั้ง