หลังจากข่าวเก่าเมื่อปีที่แล้ว ที่ว่าทาง Nokia จับมือกับ Microsoft เพื่อกอบกู้บริษัท (โดยคิดว่า Symbian คงไปไม่รอดแล้ว) ทำให้สามารถผลิตและจำหน่าย Windows Phone ราคาย่อมเยาว์ออกมาได้ ซึ่งในวันนี้เราจะมีรีวิวตัวกลาง ๆ ของ Nokia ซึ่งมีชื่อว่า Lumia 800 กัน

Nokia-Lumia-800-1

กล่องดีไซน์เนียบ ๆ ออกแนว Metro Style

Nokia-Lumia-800-2

แกะกล่อง Nokia Lumia 800

Nokia-Lumia-800-3

อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่อง (ขาดหูฟังขออภัยด้วยครับ)

สเปค Nokia Lumia 800
ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7.5 (Mango) ตัวเครื่องเป็น Polycarbonate ที่ไร้รอยต่อเป็นแบบชิ้นเดียวทั้งเครื่อง ใช้กระจกจอโค้งนูน และทนรอยขีดข่วนอย่าง Gorilla Glass สำหรับ CPU ก็จะเป็น Qualcomm QSD8255 Snapdragon ความเร็ว 1.4GHz (Single core) และ VGA Adreno 205 ส่วน RAM 512MB และหน่วยความจำในเครื่อง 16GB ไม่สามารถเพิ่ม Micro SD ได้แต่อย่างใด

หมายเหตุ : หลาย ๆ คนอาจจะเห็น RAM, CPU แล้วคิดว่ามันน้อยเกินไป หรือล้าสมัยอยากจะให้เปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ เพราะว่าระบบปฏิบัติการ Windows Phone นั้นใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยจริง ๆ ถึงมีแค่ 256MB ก็ยังทำงานได้ลื่นอยู่ ไม่เหมือนกับ Android (อันนี้พูดกันตรง ๆ เลยครับ)

Nokia-Lumia-800-4

ที่ชาร์จขนาดเล็กดีไซน์แปลกใหม่

Nokia-Lumia-800-29

สาย Micro USB เกรด A

Nokia-Lumia-800-5

ตัวเคสซิลิโคนที่แถมมากับเครื่อง

อุปกรณ์ที่แถมมาในเครื่อง
ค่อนข้างจะครบตามมาตรฐาน แต่ต้องขออภัยเรื่องหูฟังที่ไม่ได้ถ่ายมาให้ดู เป็นหูแบบ Earbud ไม่ใช่ Inear ครับ คุณภาพออกกลาง ๆ ไม่ค่อยพิเศษอะไรมาก สีดำเข้ากับเครื่องส่วนอุปกรณ์มาตรฐานก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ โดยเฉพาะที่ชาร์จที่ออกแบบได้ค่อนข้างสวยงาม สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือเคสซิลิโคนที่แถมมากับเครื่อง เพราะเข้าใจว่าหาซื้อเอาข้างนอกคงจะยาก

Nokia-Lumia-800-6

หน้าจอเป็นเทคโนโลยี AMOLED ClearBlack ขนาด 3.7″ ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล โดยกระจกนั้นเป็นแบบนูนนิด ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติกันรอยขีดข่วนด้วยเทคโนโลนี Gorilla Glass โดยรวมแล้วให้สีที่สดใส สีดำที่ดำสนิทแถมยังกันรอยขีดข่วนอีกด้วย

Nokia-Lumia-800-7

ด้านบนเป็นตัวล็อคสำหรับแกะเพื่อเสียบ Micro USB และอีกด้านข้างเป็นล็อคเลื่อนสำหรับใส่ Micro SIM (แบบเดียวกับ iPhone)

Nokia-Lumia-800-8

ด้านล่างเป็นช่องสำหรับให้เสียงออกจากลำโพง ดีไซน์ออกแบบมาค่อนข้างดี ทำให้เมื่อวางเครื่องลงบนโต๊ะทำให้เสียงนั้นไม่ตันหรือเบาลง แต่สำหรับเสียงที่ได้จากเครื่องนี้อาจจะไม่ค่อยจะดังซักเท่าไหร่

Nokia-Lumia-800-24

กล้องมีความละเอียด 8MP มาพร้อมเลนส์คุณภาพอย่าง Carl Zeiss Tessar ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและสมจริงมากกว่า มีระบบ Auto Focus และ Flash แบบ Dual LED สำหรับเลนส์ตัวนี้สามารถเปิดรูรับแสงขนาดใหญ่ได้ถึง F2.2 ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดียิ่งขึ้น มีระบบโฟกัสใบหน้า (Face Detection) เมื่อสัมผัสบนหน้าจอเครื่องสามารถ Focus และถ่ายภาพได้ทันที นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Geo-Tagging สำหรับบันทึกพิกัดดาวเทียม GPS ลงบนข้อมูลภาพถ่ายได้อีกด้วย ส่วน VDO สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด 720P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที

Nokia-Lumia-800-9

ด้านข้างเป็นปุ่มปรับเสียง ปุ่มล็อคเครื่อง และปุ่มสำหรับถ่ายภาพ ซึ่งสามารถทำออกมาได้ค่อนข้าวดี กดได้ถนัดมือเอาเสียมาก ๆ ตรงนี้ชอบครับ

Nokia-Lumia-800-25

ทดสอบใส่เคสซิลิโคนที่แถมมา (ด้านหน้า)

Nokia-Lumia-800-30

ทดสอบใส่เคสซิลิโคนที่แถมมา (ด้านข้าง)

Nokia-Lumia-800-10

ทดสอบใส่เคสซิลิโคนที่แถมมา (ด้านบน)

Nokia-Lumia-800-11

ทดสอบใส่เคสซิลิโคนที่แถมมา (ด้านล่าง)

Nokia-Lumia-800-12

ทดสอบใส่เคสซิลิโคนที่แถมมา (ด้านหลัง)

สำหรับซิลิโคนที่แถมมาถึงแม้คุณภาพจะดี แต่เรื่องรอยตัดอะไรดูเหมือนจะยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีสำหรับผมแล้วคิดว่าการใช้แบบเปลือย ๆ จะดูดีกว่า และเครื่องก็ไม่ค่อยเป็นรอยง่ายซักเท่าไหร่ เว้นเสียแต่ทำตกลงบนพื้นถนน

Nokia-Lumia-800-13

ตัวเครื่องเมื่อเปรียบเทียบกับเหรียญบาท

สรุปเรื่องดีไซน์และการออกแบบ
ตัวเครื่องนั้นค่อนข้างจะอยู่ในขนาดกลาง ๆ ไม่หนาและไม่บางมาก จับแล้วกระชับมือเหมือนกับว่าออกแบบมาเพื่อสรีระมากกว่า หน้าจอมีความโค้งนิด ๆ หากใครคิดจะติดฟิล์มกันรอยคงจะลำบาก ก็แนะนำให้ใช้แบบนั้นไปเลยจะไม่ค่อยเกิดรอยเท่าไหร่นัก เรื่องสีนั้นมีขายทั้งสีขาว ฟ้า ดำดูแล้วโด่ดเด่นไม่เหมือนใคร (จะคล้ายก็แต่ Nokia N9) สำหรับขนาดเมื่อลองวัดอย่างละเอียดจะอยู่ที่ 12.1 x 61.2 x 116.5 ม.ม.

Nokia-Lumia-800-14

ระบบการแจ้งเตือนที่มีทั้ง Windows Live, Facebook, Twitter

Nokia-Lumia-800-26

คีย์บอร์ดไทยไม่รองรับ ทำได้ก็แต่เพียงใช้ App นึงพิมพ์ไปก่อน

Nokia-Lumia-800-27

ระบบ Microsoft Office ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ระบบปฏิบัติการน่าทึ่งแต่ไม่รองรับพิมพ์ไทย
ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7.5 (Mango) ที่รองรับการอ่านไทย แต่ดันไม่มีคีย์บอร์ดไทยเนี่ยสิปัญหา (เห็นเขาว่าจะมาพร้อมกับการอัพเดทรุ่น 8) สำหรับตอนนี้ทำได้เพียงแค่พิมพ์จาก App ตัวนึงแล้ว Copy จากนั้นก็นำไป Paste ในอีก App นึงซึ่งจะเป็น Facebook, Twitter หรือ Email ก็ว่ากันไป สำหรับคนที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลักแนะนำว่าอย่าพึ่งซื้อครับ ไม่งั้นผิดหวังมาก

Nokia-Lumia-800-15

ระบบ Email ที่รวดเร็ว และอ่านง่าย

Nokia-Lumia-800-16

ME จุดรวมศูนย์กลางของตนเอง สามารถเชื่อมได้ทั้ง Windows Live, Facebook, Twitter

Nokia-Lumia-800-17

แผนที่นำทางด้วย Bing Map และ Nokia Drive

มองโดยรวมของระบบปฏิบัติการ
การทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7.5 (Mango) นั้นไม่เหมือนกับ Android หรือ iOS มันแบ่งการทำงานเป็น HUB หรือส่วนเชื่อมต่อไปยังหน่วยต่าง ๆ ซึ่งที่เด่นสุดก็เห็นจะเป็น People Hub ที่จะแสดงข้อมูลผู้ติดต่อทุกคนจากรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ซึ่งดึงมาจาก Windows Live อีกทั้งยังสามารถ Link ไปยัง Facebook, Twitter ได้อีกด้วย (มีการแนะนำด้วยว่าอันไหนน่าจะเป็น Twitter, Facebook ของใคร ทำให้จัดการรายชื่อได้ง่ายมาก) พร้อมอัพเดททุกความเคลื่อนไหวทุกอย่างภายในหนึ่งเดียว

นอกจากนี้ยังสามารถแชร์รูปที่ถ่ายไปยัง Facebook ได้เร็วมาก ๆ อีกด้วย (เขาโฆษณาว่าเร็วที่สุดในโลก) การใช้งานนั้นไม่ค่อยมีหน่วง ค้าง หรือแฮงค์แต่อย่างใด (แต่เน็ตต้องเร็วพอด้วยนะ ไม่งั้นใช้ Edge ก็ยังเซงเหมือนเดิม) ส่วนหน้าตาของ UI นั้นมีลูกเล่นอยู่ตลอดเวลา ไม่นิ่งและไม่แข็ง ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าและลื่นไหลเอาเสียมาก ๆ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัญหาทางด้านการแสดงผลภาษาไทยบน Browser ที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง เนื่องจากบางเว็บไซต์นั้นใช้ Encode แบบเก่า (utf-8) ซึ่งหากเป็นเว็บไซต์ที่ได้ออกแบบมาอย่างมาตรฐานเป็น Unicode แล้วจะสามารถแสดงผลได้อย่างไม่มีปัญหา (โทษคนทำเว็บนั่นแหล่ะ)

Nokia-Lumia-800-18

Music+Video ผ่าน Zune สามารถซื้อเพลงได้ด้วย

Nokia-Lumia-800-19

ระบบ Marketplace สำหรับใช้ซื้อ App

Nokia-Lumia-800-21

Photosynth App คุณภาพที่มาจาก Microsoft สำหรับใช้ถ่ายภาพ 3D

เรื่อง App และ Marketplace
ยังไม่ค่อยสมบูรณ์แบบมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่ยังซื้อ App ไม่ได้ สำหรับเรื่อง App ใน Marketplace ปัจจุบัน Windows Phone มี App ทั้งหมดราว 100,000 App ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ Android และ iOS แถม App ก็ยังมีทางเลือกไม่ค่อยมากนัก บาง App ใช้งานได้ไม่ค่อยดี ไม่มีการอัพเดท แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นต้องทนใช้ไป ส่วนเรื่องเพลงจะอาศัย Sync ผ่านโปรแกรม Zune ใน PC และยังสามารถใช้ซื้อเพลงได้อีกด้วย

Nokia-Lumia-800-20

ซิมที่ใช้งานต้องเป็น Micro SIM เท่านั้น

Nokia-Lumia-800-32

ปัญหาเรื่องการจับเครื่องเวลาถ่ายภาพ (มือบังกล้อง)

ปัญหาและอุปสรรค์การใช้งาน
สำหรับปัญหาเด่น ๆ ที่พบนอกจากจะเป็นที่ระบบปฏิบัติการ แล้วก็ยังพบปัญหาจากการออกแบบอีกด้วย เนื่องจากเลนส์กล้องอยู่ค่อนข้างที่จะต่ำเกินไป ทำให้เวลาถ่ายภาพแนวตั้งนั้นมีปัญหาเรื่องนิ้วบังเลนส์บ่อย หากจะเขยิบมานิดก็จะทำให้ใช้งานมือเดียวไม่ค่อยถนัด และก็เรื่องการใช้งาน Micro SIM ที่หลายคนอาจจะเปลี่ยนซิมลำบาก (แต่หลายคนคงชินแล้วมั้งผมว่า)

Nokia-Lumia-800-28

ระบบค้นหาใช้ Bing (เปลี่ยนไม่ได้ด้วย) ซึ่งสำหรับต่างประเทศนั้นค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาเส้นทางหรือร้านอาหาร แต่หากใช้ในไทยคงต้องทำใจ เท่านั้นไม่พอยังสามารถใช้ร่วมกับ Microsoft Tag หรือค้นหาด้วยเสียงได้อีกด้วย (ระบบสั่งการด้วยเสียงทำได้ดีกว่า Android มาก)

Nokia-Lumia-800-31

ความประทับใจอีกเรื่องจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกล้อง สามารถใช้ถ่ายและแชร์ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที รวดเร็วมาก ๆ โดยไม่สามารถมีใครมาเทียบเคียงได้ ไม่ว่าจะเป็น Android, iOS หรือแม้กระทั่ง BB

Nokia-Lumia-800-22

ระบบเกมส์หรือ Xbox Live ทำได้ค่อนข้างหน้าสนใจมากทีเดียว คล้าย ๆ กับ Game Center ของ iOS แต่ดูน่าสนใจกว่า และเป็นสังคมมากกว่า ใช้ร่วมกับเครื่อง Xbox ได้อีกด้วย สำหรับเกมส์ที่ขายอยู่นั้นค่อนข้างมีคุณภาพและน่าเล่นครับ

Nokia-Lumia-800-23

อีกตัวที่ไม่พูดไม่ได้คือ Picture Hub ที่รวบรวมรูปภาพที่เราถ่าย เอามาแบ่งเป็นหมวด ๆ ให้ดูได้ง่ายดาย แถมยังเปลี่ยนพื้นหลังไปเรื่อย ๆ ตามภาพที่เราถ่ายอีกด้วย (วางการออกแบบ UI ได้สวยเวอร์) เท่านั้นยังไม่พอยังสามารถใช้ดูภาพของเพื่อนเราที่ถ่ายได้ในนี้อีกด้วย

ข้อดี
1. ราคาอยู่กลาง ๆ ไม่สูงมากนัก
2. ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7.5 (Mango) รวดเร็ว และไม่หน่วง
3. หน้าจอทนรอยขีดข่วน Gorilla Glass และสีสมจริงด้วย AMOLED ClearBlack ขนาด 3.7″
4. วัสดุเป็น Polycarbonate ที่ไร้รอยต่อเป็นแบบชิ้นเดียวทั้งเครื่อง
5. กล้องเป็น Carl Zeiss Tessar ขนาด 8MP พร้อมถ่ายวิดีโอแบบ HD 720P 30FPS

ข้อสังเกต
1. เพิ่มความจุภายนอกไม่ได้
2. App ค่อนข้างล้าหลัง และ App ดีมีน้อย
3. ยังรองรับภาษาไทยได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะการพิมพ์
4. การวางตำแหน่งกล้องต่ำไปนิด และไม่มีกล้องหน้า

สรุป
เป็นเครื่องที่อยู่ราคากลาง ๆ ที่ 15k ทำให้ซื้อได้ไม่ยากนัก เหมาะสำหรับคนที่ชอบมือถือที่สวยและไม่ซ้ำใคร อยากได้สิ่งที่แปลกใหม่ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ Work on Mobile และต้องใช้งานไฟล์เอกสาร Microsoft Office บ่อย ๆ จะรู้สึกคล่องตัวมากที่เดียว ระบบต่าง ๆ ภายในเครื่องไม่ว่าจะเป็น HUB, Email, Calendar สามารถทำได้ดีไม่มีที่ติ ติดก็เพียงแต่ว่า App ที่ต้องลงเพิ่มจาก Marketplace นี่แหล่ะที่ทำได้ไม่ถึงครึ่งของ App ในเครื่องที่มาพร้อม OS สรุปตัวเครื่องดีนะ ระบบปฏิบัติการก็ดี เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง คงต้องรอการปรับปรุงอีกนิด แต่ถ้าใครพร้อมและคิดว่าเก๋าพอตัวยอมรับกับข้อเสียต่าง ๆ นา ๆ ที่กล่าวมาในรีวิวได้ ก็ซื้อมาเถอะครับจุดเด่นหลาย ๆ อย่างของ Windows Phone ระบบปฏิบัติการอื่นมันมาแทนไม่ได้จริง ๆ