เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ Samsung Galaxy S7 และ S7 Edge โดยมีหน้าตาคล้าย Galaxy S6 สิ่งที่เพิ่มมานอกจากกันน้ำ IP68 แล้วยังรองรับ microSD แบบที่ผู้ใช้เรียกร้องมาโดยตลอด และน่าจะเป็นตัว TOP รุ่นเดียวที่รองรับถึงสองซิม (ขึ้นอยู่กับประเทศที่ขาย) ส่วนหน่วยประมวลผลแบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ Snapdragon 820 และ Exynos 8890 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน (บ้านเราน่าจะขายตัวหลัง)

Galaxy S7 มีอะไรใหม่

จากงานเปิดตัว #TheNextGalaxy เรียกได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เคยได้ลือกัน สำหรับการเปิดตัวเป็นการยกเครื่องใหม่ในเรื่องดีไซน์ที่เป็นจุดอ่อน (กล้องนูน) ความประทับใจของรุ่นนี้เปรียบเสมือนการเอาดีไซน์ของ S6 และ Note 5 มารวมกัน ทำให้ได้กระจกทั้งด้านหลังเป็น 3D ในขณะที่ด้านหน้าเป็น 2.5D ให้อารมณ์โค้งนิด ๆ ส่วนความเปลี่ยนแปลงหลัก 7 สิ่งมีดังนี้

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (1)

1. ดีไซน์ที่เปลี่ยนไปจนแทบไม่รู้สึก

หากคุณต้องการเปลี่ยนมือถือใหม่เพียงเพราะดีไซน์ ข้อนี้คงเป็นข้อเสียเพียงเพราะว่าหน้าตามันละม้ายคล้ายกับ S6 และ S6 Edge มากเกินไป (ถ้าไม่สังเกตคงไม่ทราบ) ยิ่งเอาไปใส่เคสยิ่งแล้วใหญ่ จากสัดส่วนเดิมคือ 143.4 x 70.5 x 6.8 มม. เปลี่ยนเป็น 142.4 x 69.6 x 7.9 มม. เล็กลงแต่หนาขึ้น ส่วนน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 152 กรัม จากเดิม 138 กรัม ซึ่งแน่นอนว่าถึงจะคล้ายแต่ก็ ไม่สามารถใช้เคสเดิมได้

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (2)

2. ประสิทธิภาพดีขึ้นเล็กน้อย

หน่วยประมวลผลดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 30% กราฟิกเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 64% ส่วนเรื่อง RAM เพิ่มขึ้นจาก 3 GB ไปเป็น 4 GB การเปลี่ยนแปลงด้านสเปคถือว่าเล็กน้อยมาก ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Apple เวลาปรับรุ่นแต่ละครั้งจะเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 100% โดยประมาณ (iPhone 6s เร็วกว่า iPhone 6 ประมาณ 70%) ดังนั้นเรื่องสเปคเป็นอันตกไป

สำหรับรุ่นที่ขายจะแบ่งเป็นสองรุ่นย่อย Snapdragon 820 (4 คอร์แบบ 2+2) และ Exynos 8890 (8 คอร์แบบ 4+4) ถ้าหากคาดการณ์ไม่ผิดในไทยจะขายรุ่นหลัง รวมถึงการรองรับ Vulkan มาตรฐานกราฟิกยุคใหม่เพื่อใช้แทน OpenGL ที่เริ่มล้าสมัยแล้ว

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (3)

3. แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น

จุดอ่อนของ S6 คือแบตเตอรี่ที่หมดเร็วเกินไป เนื่องจากมีเพียงแค่ 2,550 mAh ส่วนในรุ่น S7 และ S7 Edge มีแบตเตอรี่ 3,000 mAh และ 3,600 mAh ตามลำดับ โดยทาง Samsung ได้คุยว่าสามารถใช้ดู Game of Thrones ได้หนึ่งซีซันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว (ดูเหมือนเยอะแต่อันที่จริงก็คือดูวิดีโอได้ 9-10 ชั่วโมง)

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (4)

4. รองรับเมมการ์ด เพิ่มสองซิม

และแล้วจุดขายเดิมของ Samsung (และ Android) ก็กลับมาสู่ที่ควรจะเป็นอีกครั้ง รองรับ microSD สูงสุด 200 GB ซึ่งถึงแม้ว่าจะน่าเสียดายไปนิดตรงที่ แกะฝาหลังไม่ได้ แต่ก็ถูกชดเชยด้วยการรองรับสองซิม (ขึ้นอยู่กับประเทศที่ขาย) และดูเหมือนว่าประเทศไทยจะใช่เสียด้วยสิ! อันที่จริงน่าเศร้าเล็กน้อยตรงที่ช่องใส่ SIM และ microSD เป็นช่องเดียวกัน

ในเรื่องของความถี่การรองรับ 4G ทุกเครือข่ายอย่างไม่มีปัญหาด้วยมาตรฐาน LTE Cat.9 พร้อมทั้งรองรับเทคโนโลยี Carrier Aggregation (CA) ได้ถึง 3CA บนสามความถี่ด้วยความเร็วสูงสุด 225 Mbps

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (5)

5. กันน้ำและกันฝุ่น

ความสามารถเดิมที่เคยถูกโปรโมทใน S5 (อีกแล้ว) ในวันนี้กลับมากลายเป็นจุดขาย (อีกครั้ง) แต่เพิ่มมาตรฐานเป็น IP68 แทนที่ของเก่า IP67 สามารถนำไปใช้งานใต้น้ำได้ 1.5 เมตร เป็นระยะเวลา 30 นาที ส่วนเรื่องจุกปิดอะไรก็ไม่ต้องสนใจ สามารถนำลงไปจุ่มน้ำได้เลย (สบายใจขึ้นไปอีกขั้น) ส่วนเรื่องนโยบายการรับประกันจะเป็นอย่างไร คงต้องคอยติดตามจากศูนย์บริการอีกครั้งครับ

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (6)

6. กล้องความละเอียดลดลง

นับเป็นอีกเรื่องที่น่าตกใจเพราะ Samsung เลิกที่จะแข่งเรื่องตัวเลขแล้วมาวัดกันที่คุณภาพเสียที โดยความละเอียดกล้องหลัง 12 MP และกล้องหน้า 5 MP และการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี Dual Pixel ให้ค่ารูรับแสงถึง F1.7 และพิกเซลที่ใหญ่กว่าถึง 1.4µm หลักเลยก็คือรับแสงได้มากกว่าและโฟกัสได้ไวกว่าเดิมเท่าตัว รวมถึงความสามารถรุ่นใหญ่อย่าง Multi Focus ที่มีเฉพาะบน DSLR เท่านั้น

ลืมเรื่องกล้องนูนปูด ๆ ที่น่าเกลียดไปได้เลย เพราะความหนาของเลนส์เหลือเพียงแค่ 0.46 มม. เท่านั้น! (อันนี้แอบสงสัยเหมือนกันว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเครื่องที่หนาขึ้นรึเปล่า?) ส่วนความสามารถ Multi Focus อันนี้โดดเด่นมากเมื่อใช้ถ่ายวิดีโอ สามารถโฟกัสวัตถุได้แน่นไม่มีหลุดใครเอาไปเน้นถ่ายวิดีโอ 4K ไม่มีผิดหวังครับ

7-features-changed-samsung-s7-s7-edge (7)

7. รองรับชาร์จไฟเร็วแบบไร้สาย

เทคโนโลยี Fast Charging ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับการชาร์จไร้สาย Wireless Fast Charging ในแบบความเร็วสูงนั้นมีเฉพาะบน S7 เท่านั้น

  • ระยะเวลาชาร์จเร็ว 0-100% แบบใช้สาย S7: 90 นาที | S7 Edge: 100 นาที
  • ระยะเวลาชาร์จเร็ว 0-100% แบบไร้สาย S7: 130 นาที | S7 Edge: 150 นาที

เมื่อเทียบกับระดับความจุแบตเตอรี่ที่เท่ากัน ถือว่าล้ำหน้าคู่แข่งไปมากพอสมควรครับ

Gear VR - Mark Zuckerberg

สรุป

เท่าที่ดูมาทั้งหมดในสเปคของ Galaxy S7 แทบหาไม่ได้เลยในคำว่า “กั๊กสเปค” เป็นการปล่อยของแทบทุกหมัดของ Samsung ส่วนอุปกรณ์เสริมนั้นมาเยอะและจัดเต็มมาก รวมถึง Gear 360 และ Gear VR ซึ่งในงานเองก็มีเซอร์ไพร์สจาก Mark Zuckerberg ที่ขึ้นเวทีในขณะที่สื่อมวลชนกำลังสวมแว่นตาอยู่ และการเปิดตัวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจาก Facebook เป็นเจ้าของ Oculus ผู้พัฒนา VR ใน Gear VR นั่นเอง รวมถึงตัวมาร์คเองยังได้กล่าวบนเวทีเรียกความเชื่อมั่นด้วยว่า

Gear VR เป็น VR Player เจ้าเดียวที่ใหญ่และพร้อมที่สุด จนทำให้ Facebook กระโดดเข้าร่วมพัฒนาด้วย