รีวิวแบบไม่สปอยเนื้อหา แฟนเดย์ “แฟนกันแค่วันเดียว” ภาพยนต์เรื่องแรงจาก GDH 559 หลังจากเปลี่ยนชื่อจาก GTH กำกับโดย โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล (จากเรื่อง พี่มากพระโขนง, กวน มึน โฮ, ฯลฯ) ในฐานะที่ผมเองก็ไม่ได้เป็นกูรูภาพยนตร์เท่าไหร่ ลองมาอ่านรีวิวตามสไตล์ของ Tech Blogger กันบ้างดีกว่า
![แฟนเดย์ “แฟนกันแค่วันเดียว”](https://ireview.in.th/wp-content/uploads/2016/09/Fanday-The-Movie-01.jpg)
แฟนเดย์ “แฟนกันแค่วันเดียว”
ฉากเริ่มต้นด้วยพระเอกของเรา “เด่นชัย” (เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พนักงานไอทีบริษัทอาหารแห่งหนึ่ง เป็นมนุษย์ผู้ไม่เคยมีตัวตนในสังคมหรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน และก็ดูเหมือนว่าจะสะท้อนบุคลิกของคนสายอาชีพนี้ ที่มักคลุกคลีกับคอมพิวเตอร์มากกว่าการสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เด่นชัย เป็นคนที่พูดตรงโกหกไม่เก่งและอันที่จริงก็ดูไม่ค่อยน่าคบหาเท่าไหร่นัก (ถึงแม้ลึก ๆ แล้วเขาจะนิสัยดีก็ตาม) ด้วยอารมณ์และความรู้สึกแบบนี้ ทำให้ตรงใจกับผู้ชายโสดหลายคน … ว่านี่มันกู นี่มันชีวิตกูชัด ๆ
ต่อด้วยนางเอก “นุ้ย” สาวการตลาดที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี จนทำให้เด่นชัยไปเผลอตกหลุมรักเข้าตอนซ่อมปริ้นเตอร์ให้ พร้อมทั้งอธิบายเรื่องปีปฏิทินปี Tick-Tock (อันนี้คนไอทีน่าจะพอเข้าใจ) แน่นอนว่าในฐานะ หมามองเครื่องบิน ตัวเด่นชัยเองก็ได้แต่มองห่าง ๆ พร้อมกับเฝ้าดูตามสไตล์คนแอบรัก … เห้ย! นี่มันชีวิตกู (อีกแล้ว)
เนื้อเรื่องสั้นต่อจากนั้นดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบริษัทได้พาพนักงานทั้งหมดไปเที่ยวฮกไกโด เด่นชัยบังเอิญได้ขอพรกับระฆังอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า “ขอให้ได้เป็นแฟนกับนุ้ย แค่วันเดียวก็ยังดี” และแล้วไม่ว่าด้วยปาฏิหาริย์หรือบังเอิญก็ตาม นุ้ยได้ประสบอุบัติเหตุจากสกีจนทำให้มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราว (TGA) โดยจะลืมเรื่องราว 3 ปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการจะเป็นแค่วันเดียว
แค่วันเดียว … หรือตั้งวันนึง
ตามเนื้อเรื่องก็คือเด่นชัยพยายามโกหกว่าเป็นแฟนนุ้ย (แน่นอนว่านุ้ยเองก็จำไม่ได้ แต่ก็ต้องจำยอมรับสภาพ) ในฝั่งของนุ้ยนั้นเด่นชัยก็เป็นแค่คนแปลกหน้า แต่ในฝั่งของเด่นชัยผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่เขาฝันมานาน และโอกาสแบบนี้ทั้งชีวิตคงมีแค่ “วันเดียว” เป็นคำถามให้กับคนดูว่าวันหนึ่งถ้าเราเป็นแฟนกับคนที่แอบชอบได้
ความสุขใน 1 วัน เราจะเก็บเกี่ยวมันได้แค่ไหน ?
ความพยายามของเด่นชัยจะออกแนวไปทาง จีบสาวอย่างไรด้วยเวลาเพียงวันเดียวมากกว่า (อย่าลืมว่าสำหรับนุ้ยแล้วเขาคือคนแปลกหน้า) เนื้อเรื่องดำเนินไปค่อนข้างเร็ว หากคุณชอบหนังรักใส ๆ เรื่องนี้อาจไม่ค่อยตรงนัก แต่หนังเรื่องนี้สะท้อนความ Real ในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า
บทบาทของเต๋อที่เปลี่ยนไป
จากภาพลักษณ์เดิมที่เต๋อดูตลกและกวน ภาคนี้สิ่งที่หายไปคือความตลกก็ยังกวนเหมือนเดิม (ออกแนวกวนหน้าตายมากกว่า) บุคคลิกออกแนวผู้ชายขี้แพ้ ขี้อาย และไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เรื่องความรักที่มีให้กับนางเอกนั้นเกินร้อยจริง ๆ จนให้เผลออดด่าไม่ได้ว่า “ไอ้พระเอก” ส่วนฉากเรื่องนี้มีทั้ง
- ตลก
- ปลื้มปิติ
- โรแมนติก
- เศร้า (บางคนบอกร้องไห้ด้วย)
แต่สิ่งที่เต๋อสะท้อนออกมาในเรื่องก็คือ “ความจริงใจ” ของผู้ชายคนหนึ่งที่แอบรักผู้หญิงหมดใจ ในขณะที่สังคมรอบข้างเต็มไปด้วย “ความโกหก” มากกว่า … แล้วนายจะอยู่ได้ยังไงล่ะว้าาาา (ออกแนวเห็นใจ)
นอกจากการเชียร์ความรักของเด่นชัยและนุ้ย ซึ่งอันที่จริงไม่ได้ออกแนวเชียร์หรอก เป็นในลักษณะ “เห็นใจ” มากกว่า เพราะตัวละครแต่ละตัวก็มีภูมิหลังที่แตกต่างกันไป และสุดท้ายเรื่องราวจะจบลงเอยเช่นไรคงต้องไปติดตามกัน (ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่สปอย)
สรุปแล้ว “แฟนเดย์” ก็เป็นความรักในอีกแง่มุมหนึ่งนั่นเอง
การเลือกใช้เพลงโปรโมทภาพยนตร์อย่าง “วันหนึ่ง” ค่อนข้างซึ่งกินใจมาก แต่ในภาพยนตร์จริงกลับเลือกใช้เพลง “ฝันลำเอียง” แบบต้นฉบับได้อย่างถูกที่ถูกจังหวะ รวมถึงบรรยากาศของเรื่องก็มีฉากสวย ๆ ของทั้งฮกไกโดและซัปโปโรให้ดูกันอย่างไม่มีเบื่อ มีทั้งอารมณ์รักและเศร้าในตัวผสมผสานได้อย่างดีเยี่ยม … ซึ่งถึงแม้ว่าหนังจะยาวถึง 2 ชั่วโมง 16 นาที กลับให้ความรู้สึกว่ามัน “น้อยไป” ด้วยซ้ำ
สรุป
ให้คะแนน 7 เต็ม 10 ซึ่งอันที่จริงภาพยนตร์ทำออกมาได้ดีทีเดียว แต่ความคาดหวังในชื่อของ GTH (ตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นอะไรแล้วก็ช่าง) คาดหวังไว้ก่อนดูค่อนข้างสูงกว่านี้มาก
และสาขาที่ผมเลือกไปดูก็คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาเซ็นทรัลบางนา และเนื่องจากเป็นหนังขวัญใจมวลชน สำหรับใครที่สนใจอยากไปดูแต่กลัวรอบเต็ม หรือไม่เหลือที่นั่งดี ๆ ก็ลองเช็ครอบและซื้อตั๋วได้ผ่านแอปพลิเคชัน Major Movie Plus (สะดวกดีไม่ต้องต่อคิว) รวมถึงติดตามข้อมูลหนังใหม่ได้ผ่านเว็บไซต์ Major Cineplex