NESCAFE’ Dolce Gusto คือ เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อสร้างสรรค์กาแฟระดับพรีเมี่ยม สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “กาแฟสด” เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา แต่บางครั้งรสชาติมันไม่เอาไหนเสียเลย และด้วยหน้าที่การทำงานที่ยุ่งเหยินคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกไปหาซื้อกาแฟดี ๆ มาดื่ม
NESCAFE’ Dolce Gusto
สำหรับคนสนใจ เครื่องชงกาแฟ “มินิ” รุ่น ลิมิตเต็ดเอดิชั่น ที่ผมกำลังจะรีวิวต่อไปนี้สามารถหาซื้อออนไลน์ได้ที่ NesCafeDolceGusto ราคาปกติอยู่ที่ 7,490 บาท ลดเหลือ 6,990 บาท
พิเศษ! ใช้โค้ด FREEESP1 รับแคปซูล Espresso มูลค่า 329 บาท ฟรี !!!
วิธีใช้เพียง 3 ขั้นตอน
- หยิบแคปซูลกาแฟที่ต้องการแล้วเปิดฝาเครื่อง
- ใส่แคปซูลลงไปพร้อมปรับระดับน้ำตามแคปซูล
- เลือกน้ำร้อนหรือน้ำเย็น (ตามประเภทแคปซูล)
วิธีใช้มีเพียงเท่านี้จริง ๆ ซึ่งง่ายมาก ๆ ดังนั้นผมคงขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้ (ไม่ใช่ละ – -*) เพื่อให้เห็นภาพเราไปดูกันต่อดีกว่า ซึ่งรีวิวนี้จะมีทั้งความเห็นในฐานะคอกาแฟในออฟฟิศด้วย
ทำไมต้องเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้
โจทย์แรกเลยสำหรับผมคือการ “หากาแฟดี ๆ เพื่อดื่มในออฟฟิศ” หากพูดถึงคำว่ากาแฟสดแล้ว ผมบอกเลยว่าซื้อเอายังไงก็ถูกกว่า เพราะมันต้องมีทั้งเครื่องบด, เครื่องชง, นม ผงโกโก้ หรือไซรัป (ในกรณีที่คุณไม่ได้ดื่ม Espresso) ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้นอกจากราคาแพงแล้วยังเตรียมการยุ่งยาก จัดเก็บไว้นานกลิ่นก็หาย ไหนจะเรื่องการทำความสะอาดอีก ฯลฯ (แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว)
ดอลเช่ กุสโต้ เป็นเครื่องทำกาแฟที่ครั้งเดียวจบ ไม่เรื่องมาก ราคาเครื่องไม่แพงและสามารถทำเครื่องดื่มได้หลากหลาย ข้อเสียก็คือต้องซื้อแต่วัตถุดิบจากเนสกาแฟ ซึ่งก็สมเหตุสมผลดีอยู่แล้ว (อารมณ์เหมือนซื้อปริ๊นเตอร์กับใครต้องใช้หมึกของที่นั่น) และกาแฟที่อยู่ภายในก็ไม่ใช่กาแฟเป็นซอง ๆ ที่เราดื่มกัน แต่เป็นกาแฟคุณภาพระดับร้านกาแฟ ที่ต้องใช้แรงดันน้ำสูงแบบกาแฟสดนั่นแหล่ะ (จะเรียกว่ากาแฟสดบรรจุแคปซูลก็คงไม่ผิด) ทั้งกลิ่นและรสยังอยู่ไม่ผิดเพี๊ยน
สำหรับราคาแคปซูลก็ตกที่ชุดละ 329 บาท ทำกาแฟได้ 8 แก้ว (ตกแก้วละ 41 บาท) หรือถ้าหากคุณดื่มแต่ Espresso ก็ตกเพียงแก้วละ 20 บาท ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องไปเสียเงินแพง ๆ ให้กับร้านกาแฟสด แถมตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นซื้อ 24 กล่อง แถมฟรีเครื่องชงกาแฟ MiniMe Black ถ้ายังไงลองไปเช็คโปรโมชั่นกันได้ที่ www.dolce-gusto.co.th
สำหรับอุปกรณ์ภายในก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก (ตอนแรกเข้าใจว่าต้องประกอบอะไรเยอะแยะ) เป็นเครื่องชงกาแฟที่มีขนาดเล็กและเบามากจริง ๆ ครับ สามารถใช้พกพาติดรถหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวกมาก
ดีไซน์เครื่องล้ำและดูดีมีระดับมาก ยิ่งได้ลาย MINI Limited Edition ทำให้โต๊ะทำงานดูดีอย่างบอกไม่ถูก ขนาดเล็กสามารถไว้ในครัวของออฟฟิศ (ในภาพไว้บนโต๊ะทำงานยังไม่เกะกะเลย) และที่บอกว่าสวยนั้นไม่ได้เป็นแค่คำพูดลอย ๆ แต่มีการันตีด้วยรางวัลออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลกอย่าง Red Dot Design Award 2014 และ iF Product Design Award 2014
ตัวเครื่องรับประกันยาวนาน 2 ปี ทำเครื่องดื่มได้ทั้งสูตรร้อนและเย็น (ตามแคปซูล) ด้านบนเครื่องมีเพียงแค่ปุ่มเปิด/ปิดและระดับน้ำ 7 ระดับ นอกจากกาแฟแล้วยังชงชา, ช็อกโกแลตและชาเขียวได้อีกด้วย
คราวนี้เราลองมาดูมุมด้านข้างกัน สำหรับด้านหลังจะเป็นแท้งค์น้ำชงเครื่องดื่มขนาด 1 ลิตร ออกแบบมาได้ดีมากคือไม่มีน้ำหยดหรือรั่วซึมให้เช็ดเลย (แม่บ้านประทับใจสุด ๆ)
สำหรับแคปซูลเครื่องดื่มมีหลายราคาและสามารถเลือกชงเครื่องดื่มได้ดังนี้
- NESTEA® ICED PEACH TEA
- CHOCOCINO
- LUNGO
- MOCHA
- CAPPUCCINO ICE
- GREEN TEA
- LATTE MACCHIATO (อร่อยมากแนะนำ)
- ESPRESSO INTENSO
- CAPPUCCINO
- ESPRESSO
- GRANDE INTENSO
สามารถเลือกซื้อแคปซูลออนไลน์ได้เลย พร้อมจัดส่งฟรีถึงออฟฟิศ (หรือบ้าน) ภายใน 3-5 วันทำการ เรียกได้ว่าเอาใจหนุ่มสาวชาวออฟฟิศเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องกลัวว่าซื้อเครื่องไปจะหาแคปซูลเครื่องดื่มไม่ได้
ขั้นตอนการชงแสนง่ายดาย ในเครื่องดื่มหนึ่งชนิดจะมีแคปซูลอยู่สองสี (ให้เข้าใจว่าเป็นกาแฟกับนม) ชงตามลำดับแล้วก็ปรับเลเวลน้ำตามที่ระบุไว้ อย่างเครื่องดื่มนี้เป็น CHOCOCINO หากชงเสร็จจะได้ 210 มิลลิลิตร
แคปซูลด้านในแบ่งออกเป็นสองชุดตามหน้ากล่อง (ใช้คู่กัน) แบ่งเป็นสีดูง่ายมาก ใช้เด็กฝึกงานชงให้ก็ยังได้
ใช้งานจริง
ไม่ต้องแกะ ไม่ต้องตวง ไม่ต้องวัดใด ๆ ทั้งสิ้น ใส่เข้าไปทั้งแคปซูลดังภาพ ด้านในเครื่องจะทำการเจาะรู แล้วปล่อยน้ำแรงดันสูงสุด 15 บาร์ให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ฟองกาแฟสีทองที่ภาษาคอกาแฟเรียกว่า “ครีมา” อันเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มระดับคาเฟ่
ปรับระดับน้ำได้ด้วยจอยสติ๊กโยกลงเพื่อปรับลง โยกขี้นเพื่อปรับขึ้น หากปัดไปทางขวาคือเลือกน้ำร้อน หากปัดไปทางซ้ายคือเลือกน้ำเย็น จบ !!!
น้ำหนักเครื่องอยู่ประมาณ 2.68 กิโลกรัม เช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเพียงแค่ถอดถาดไปล้าง ส่วนตัวเครื่องไม่ต้องล้างให้ยุ่งยากหรือปวดหัว
ตัวเครื่องแรงดันน้ำ 15 บาร์ ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะเสียงดัง แต่พอใช้งานจริงแล้วไม่ต่างจากเสียงปริ๊นเตอร์สักเท่าไหร่นัก
ชุดที่แถมมากับเครื่องประกอบไปด้วย MOCHA, CAPPUCINO ICE, และ CAPPUCINO (อันนี้แถมกับเครื่องไม่รวมกับที่ซื้อ) เป็นแคปซูลเล็ก ๆ น่ารักจับใส่โหลจะสวยมาก
สำหรับคนที่ซื้อชุด MINI Limited Edition เหมือนผมจะได้แก้ว Tumbler ลิขสิทธิ์แท้มาด้วย (สวยมาก) มีปุ่มเปิด/ปิดเครื่องดื่มด้วยใช้ดีมาก
ขอปิดท้ายไปด้วยเมนู LATTE MACCHIATO แก้วนี้ชงได้เป็นชั้นดังภาพเลย ข้างบนเป็นฟองนมนุ่ม ๆ ถัดมาเป็นกาแฟส่วนชั้นล่างสุดเป็นนม ทำงานสะดวกไม่ยุ่งยากสมกับเป็น “ศิลปะสมัยใหม่ของกาแฟ” อย่างแท้จริง
ข้อดี
- กาแฟคุณภาพ ระดับร้านกาแฟ
- ชงเครื่องดื่มได้หลากหลาย
- ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก
- ดูและรักษาง่าย
ข้อเสีย
- ราคาเครื่องค่อนข้างสูง
- ต้องใช้กับแคปซูลเท่านั้น
สรุป
NESCAFE’ Dolce Gusto ถึงแม้ว่าจะมีต้นทุนค่าเครื่อง (เดี๋ยวนี้มีโปรโมชั่นราคาถูกลงมา) แต่ค่ากาแฟต่อแก้วตกเพียงแก้วละ 41 บาท ถือว่าถูกกว่าที่ร้านในขณะที่ยังได้กาแฟคุณภาพเท่ากัน หลายคนอาจคาดหวังราคาต่อแก้วที่มันถูกมาก ๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด หากคุณต้องการดื่มกาแฟระดับพรีเมียม โดยรวมแล้วค่อนข้างพึงพอใจกับราคากับคุณภาพมากครับ สะดวกและง่ายกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว
หมายเหตุ – บทความนี้เป็น Advertorial