หากเลือกหน้าจอใช้งานทั่วไป ยี่ห้อไหนก็ได้ประสิทธิภาพอาจไม่หนีกัน แต่หากอยากได้จอเกรดระดับมืออาชีพ HUAWEI Mateview เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมาก ด้วยจุดเด่นคือหน้าจอขนาดใหญ่ 28.2″ ความคมชัดระดับ 4K และให้ค่าสีเที่ยงตรงมาตรฐาน DCI-P3 แถมยังสามารถเชื่อมต่อได้หลายรูปแบบ เป็นหน้าจอมืออาชีพที่มีลูกเล่นน่าสนใจอยู่หลายอย่างด้วยกัน

HUAWEI Mateview

สำหรับราคาเปิดตัว HUAWEI Mateview อยู่ที่ 22,990 บาท ก็ถือว่าราคาสูงขึ้นมานิดหน่อย แต่อย่าลืมไปว่าเรากำลังหาจอ 4K HDR เกรดมืออาชีพที่ให้สีตรง ไม่ใช่หน้าจอ 4K อะไรก็ได้ และหากพูดถึงดีไซน์มันคือค่อนข้างหรูระดับ A+ ขอบจอบางให้พื้นที่การแสดงผลถึง 94% ทำให้เราสามารถวางหน้าจอขนาด 28.2″ ได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันกินพื้นที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเราเลย

ได้จอใหญ่ในขนาดที่ไม่เกะกะพื้นที่

หากดูจากรูปรีวิวจะเห็นได้ว่าผมเลือกใช้โต๊ะคอมขนาดเล็กมาก ซึ่งรุ่นนี้ส่วนมากเอาไว้วาง Notebook ใช้งานนิดหน่อย (แถมยังต้องแบ่งพื้นที่เก็บของด้านข้างอีก) แต่ก็สามารถวางจอได้แบบไม่ชนอะไร เนื่องจากมันเป็นหน้าจอสัดส่วน 3:2 ไม่ใช่ 16:9 ดังนั้นมันจะไม่บานออกด้านข้างให้เกะกะ แต่จะเน้นขยายพื้นที่ทำงานขึ้นด้านบนแทน เหมาะกับคนอยากได้จอใหญ่แต่ไม่เกะกะพื้นที่ทำงาน

การออกแบบที่สวยงาม

ด้านหน้าคือเรียบมากไม่มีโลโก้อะไรให้กวนสายตา (ส่วนตัวชอบมาก) และขอบจอมีขนาดบางเพียงแค่ 6 มม. แสดงผลภาพได้เต็มประสบการณ์มากกว่า หากมองผ่าน ๆ จะเหมือนกับว่าหน้าจอมันไร้ขอบ (Ultra-Slim) แถมยังเป็นขอบจอที่มีขนาดบางเท่ากันทั้งสี่ด้าน ไม่ใช่ว่าด้านบนบ้างด้านข้างบางแต่ด้านล่างหนาอันนี้ไม่ใช่ ดังนั้นถ้าหากมองผ่าน ๆ ในเรื่องของการออกแบบผมให้ 10/10

ขอบจอบางอย่างเดียวไม่พอ แต่ตัวหน้าจอก็ยังมีความบางเฉียบเพียงแค่ 9.3 มม. ทำให้ได้รับตำแหน่ง จอคอมที่บางที่สุดในโลก และการวัดหน้าจอก็ไม่ได้โกงด้วย เนื่องจากเป็นการบางเท่ากันทั้งหน้าจอ วัสดุจอส่วนใหญ่ในโลกนี้มักจะเป็นพลาสติก แต่สำหรับหน้าจอ HUAWEI Mateview เป็นผลูมิเนียมสมราคา จับแล้วมีน้ำหนักเล็กน้อยได้ความแข็งแรง หน้าจอปรับขึ้นลงและก้มเงยได้เท่านั้น

พอร์ตทั้งหลายของตัวหน้าจอจะอยู่ด้านข้างขวาและด้านหลังทั้งหมด เพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบ ส่วนการเชื่อมต่อเป็น USB-C, HDMI, MiniDP (ด้านหลัง) และ USB-A x 2, USB-C, แจ็คเสียง 3.5 มม. (ด้านข้าง) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก สำหรับคนที่ชอบเชื่อมสาย USB-C เพียงเส้นเดียว (65W) ส่วนปุ่มควบคุมทั้งหมดยกเว้นเปิดปิดเครื่องจะอยู่ใต้จอเป็นระบบสัมผัส

ถ้าสเปกจบแค่นี้คงเสียชื่อ HUAWEI เพราะถ้าทำได้แค่นั้นมันธรรมดาไป! จอรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Wi-Fi และ Bluetooth ภายในตัว และมีแท็กสำหรับเชื่อมต่อ NFC ทำงานกับอุปกรณ์ HUAWEI Share (EMUI 10.1 ขึ้นไป) เพียงแค่วางสมาร์ตโฟนก็เอาขึ้นจอได้เลย แต่สำหรับแบรนด์อื่นสามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Display หรือ Wi-Fi Direct ได้เหมือนกัน (เพียงแค่ไม่สะดวกเท่า)

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • หน้าจอ (ตัวเครื่อง)
  • อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C 135 วัตต์
  • สาย MiniDP เป็น DP
  • สาย USB-C เป็น USB-C
  • คู่มือฉบับย่อ
  • ใบรับประกัน

อ้อ … ลืมบอกไปเลยว่าหน้าจอมันมีลำโพงคู่ขนาด 5W ที่เสียงค่อนข้างดีเลยทีเดียวแหล่ะ (หากเทียบกับลำโพงติดจอด้วยกัน) นอกจากนี้ก็มีไมค์คู่ในตัวด้วย เผื่อใครใช้ประชุมหรือเรียนออนไลน์สะดวกมาก ไม่ต้องมาต่อเพิ่มเติมอะไรที่ยุ่งยากขาดเพียงแค่ “เว็บแคม” เท่านั้นเอง แต่ส่วนตัวผู้รีวิวอยากให้ด้านล่างฐานจอเป็นที่ชาร์จไร้สายด้วย เผื่อเอามือถือมาชาร์จเท่ ๆ มันจะสะดวกมาก

ประสบการณ์อัจฉริยะ

การเชื่อมต่อจะมีสองส่วนใหญ่ก็คือ “ต่อแบบมีสาย” (HDMI, USB-C, MiniDP) และ “ต่อแบบไร้สาย” (Wi-Fi) ซึ่งอย่างแรกไม่ได้มีอะไรแปลกจอทั่วไปก็ทำได้ แต่ที่พิเศษคืออย่างหลังมากกว่า ลองนึกภาพตามผมคือคุณสามารถเอาภาพจากสมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต, หรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นขึ้นจอได้เลย โดยสามารถสลับจอไปมาใช้เพียงสองนิ้วปัดบนแถบ Smart Bar จอก็จะสลับสับเปลี่ยนกันทันที

และเนื่องจากผมไม่ค่อยนิยม Desktop เครื่องใหญ่ เลยขอต่อผ่าน HUAWEI MateBook D 15 เพื่อแสดงผลหน้าจอผ่าน Wi-Fi (ในภาพไม่ได้เสียบสายเลย) ถามว่ามีดีเลย์มั้ยก็มีนิดหน่อยตามภาษา แต่ก็เพียงพอที่จะใช้งานแก้ขัดหรือชั่วครั้งชั่วคราวได้ แต่หากเป็นการใช้งานจริงจังเราขอแนะนำให้เสียบสายจะดีกว่า ส่วนคอมพิวเตอร์รุ่นอื่นไม่ต้องเป็น HUAWEI ก็คงทำได้เช่นกัน

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเราจึงไม่ต่อกับคอมพิวเตอร์ (Windows) แต่เป็นการสตรีมผ่านทาง HUAWEI MatePad Pro 12.6 นิ้ว เพื่อให้ออกหน้าจอ HUAWEI Mateview แบบไร้สายก็สามารถทำได้ง่ายไม่ต่างกัน และถ้าหากสมาร์ตโฟนของคุณสามารถสตรีมเป็น PC Mode ก็เท่ากับว่ามีแค่จอ ไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์ก็ใช้งานได้เลย ต่อเมาส์กับคีย์บอร์ดบลูทูธใช้งานแทนได้เหมือนกัน

จอแสดงผลแบบเต็มพร้อมสีที่สดใส

เรื่องคุณภาพหน้าจอคงจะบอกยาก เพราะดูจากรูปก็คงอธิบายไม่เท่าตาเห็นของจริง แต่สิ่งที่ยืนยันได้เลยก็คือสเปกและมาตรฐาน VESA DisplayHDR 400 ให้ความสว่างสูงสุด 500-nit ความละเอียด 4K+ Ultra-HD (ละเอียดกว่า 4K) ขอบเขตสี DCI-P3 98% ความแม่นยำของสีมาตรฐาน ∆E<2 แสดงผลได้ 1.07 พันล้านสี ความลึกของสี 10-bit และอัตราการรีเฟรช 60Hz

และด้วยสัดส่วนหน้าจอที่ค่อนข้างอินดี้ 3:2 ไม่เหมือนใครในท้องตลาดที่มักจะเป็น 16:9 อันนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน ข้อดีก็คือคุณจะได้พื้นที่การทำงานมากขึ้น ชัดสุดเลยก็คือการตัดต่อที่จะมีแถบการใช้งานเพิ่มขึ้นอีก ส่วนข้อเสียก็คงเป็นเพียงแค่เรื่องความเคยชิน และดูหนังเหลือขอบดำเยอะมากกว่า ส่วนถ้าคุณใช้ MateBook รุ่นด้านบนมันจะเป็น 3:2 มาตรฐานเดียวกัน

ไหน ๆ วันนี้เราก็เอา HUAWEI MateBook D 15 มาใช้งานแล้วก็ขอพูดถึงระบบนิเวศของเขานิดนึง เครื่องนี้มาพร้อมกับ HUAWEI Share ทำให้ทำงานร่วมกับ EMUI แบบหลายจอได้ง่ายขึ้น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ทำงานไป ในขณะที่อยากใช้แอปพลิเคชันสมาร์ตโฟนก็สามารถควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์ได้เลย เปิดแยกหน้าต่างอิสระได้ถึง 3 จอ ลากโอนถ่ายรูปและข้อความได้อย่างง่ายดาย

ประสิทธิภาพการทำงาน

จากที่ได้ลองใช้งานการสลับภาพของ HUAWEI Mateview ทำออกมาได้ดีมาก บางอารมณ์เราอยากต่อแท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนเราออกจอใหญ่ ก็สามารถต่อสลับไปมากับจอหลักได้อย่างรวดเร็ว (และจะเร็วมากขึ้นหากใช้สมาร์ตโฟน HUAWEI เพียงแค่แตะ NFC) สามารถเลือกแสดงผลได้ว่าจะเป็น Desktop Mode หรือว่า Mirroring Mode แต่ถ้าคุณใช้สมาร์ตโฟนรุ่นอื่นก็ทำได้เช่นกัน

หากเป็นการใช้งานปกติเราก็คงเสียบสายหน้าจอเป็นพื้นฐาน แต่ปัจจุบันมีการ WFH บางครั้งมีการสลับอุปกรณ์ไปมาระหว่าง Notebook ของบริษัทกับของส่วนตัว และถ้าเราไม่อยากเสียบเข้าเสียบออก การแสดงผลผ่าน Wi-Fi ก็อำนวยความสะดวกได้เยอะ เหมือนกับเรามีโปรเจคเตอร์ไร้สายอยู่บ้าน ที่ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องไหนก็สามารถสตรีมมาเพื่อแสดงผลได้หมด และนี่ก็คือความแตกต่างจากจอทั่วไป

ส่วนสายเล่นเกมหรือวาดรูปอันนี้ยิ่งเหมาะเลย สามารถแสดงผลจอแยกออกมาได้ เพื่อให้คนในครอบครัวสามารถดูด้วยได้ หรือหากเป็นออฟฟิศก็เอาไว้นำเสนองาน เพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน เพื่อที่จะได้พื้นที่การทำงานขนาดใหญ่ และสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น เป็นหน้าจออเนกประสงค์ที่ทุกคนสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างลงตัว ทั้งเรื่องงานและบันเทิงในเครื่องเดียว

รูปสุดท้ายนี้ใช้ตอบคำถามว่าสามารถใช้งานกับ MacBook Air (M1) ได้หรือไม่ ? ก็ขอบอกว่าใช้งานได้ปกติครับ เสียบเพียงแค่สาย USB-C เพียงเส้นเดียวภาพก็ขึ้นเลย (ต่อจอแบบไร้สายไม่ได้เพราะ Apple ใช้มาตรฐาน AirPlay ของตัวเอง) และระหว่างต่อจะเพื่อแสดงผลภาพ เราก็สามารถใช้ลำโพงและไมค์จากจอได้ด้วย ส่วนตัวเครื่องก็จะได้รับการชาร์จแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลาด้วยสายเส้นเดียว

ข้อดี

  1. ความละเอียดหน้าจอ 4K+ Ultra-HD Display

สีคมชัดเสมือนภาพยนตร์ DCI-P3

ช่วงไดนามิกสูง HDR400

การฉายภาพแบบไร้สาย

สลับสัญญาณจอภาพได้ง่าย

ข้อเสีย

  1. อัตราส่วน 3:2 บางคนอาจชินกับ 16:9
  2. เปลี่ยนขาจอเองไม่ได้ (ไม่รองรับ VESA Mount)
  3. ไม่รองรับต่อพ่วง 4K Daisy Chain

สรุป

สำหรับ HUAWEI Mateview เหมาะสำหรับคนที่อยากได้หน้าจอคุณภาพสูง แต่ก็อยากได้คุณสมบัติสมาร์ตที่เหนือกว่าจอทั่วไป ด้วยราคา 22,990 บาทที่สูงขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แพงเวอร์วังอะไรเพราะหน้าจอเราใช้งานกันยาว ๆ มากกว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน ส่วนคุณภาพหน้าจออันนี้สอบผ่าน ให้ค่าสีที่อวบอิ่มสมจริงไม่สดจนหลอกตา เหมาะกับการใช้ทำงานตัดวิดีโอหรือถ่ายภาพจริงจัง

สั่งซื้อออนไลน์