Fitbit จัดงานเปิดตัว Fitbit Sense สมาร์ทวอทช์เพื่อสุขภาพที่ทันสมัยที่สุดของแบรนด์ นำเสนอเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และซอฟท์แวร์สุดทันสมัย รวมถึงการนำเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณ EDA (Electrodermal Activity) มาใช้บนสมาร์ทวอทช์เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการความเครียด และยังมีเทคโนโลยีวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แอป ECG  ที่ใช้ในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวบริเวณข้อมือ มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานกว่า 6 วัน นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถทดลองใช้บริการ Fitbit Premium ฟรีนานหกเดือน เพื่อให้คุณสามารถติดตามผลข้อมูลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เช่น การติดตามความแปรผันของหัวใจ หรือ Heart Rate Variability (HRV) อัตราการหายใจ และเซ็นเซอร์วิเคราะห์ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดง หรือ SpO2 ที่มาพร้อมกับแผงข้อมูลด้านสุขภาพที่ออกแบบใหม่ เป็นต้น พร้อมกันนี้ ฟิตบิท ยังได้เปิดตัว Fitbit Versa 3 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพื่อสุขภาพ ฟิตเนส และความสะดวกสบายมากมาย รวมถึงระบบ GPS เสริมด้วย Google Assistant นอกจากนี้ ฟิตบิท ยังนำเสนอ Fitbit Inspire 2 จากตระกูลแทรคเกอร์ ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานกว่า 10 วัน  และฟีเจอร์เพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายอย่าง Active Zone Minutes (AZM) ขณะที่ผู้ใช้งานยังสามารถทดลองใช้บริการ Fitbit Premium ฟรีนานหนึ่งปี

Fitbit Fall 2020-1.jpeg

“ความตั้งใจของเราในการทำให้ทุก ๆ คนบนโลกมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น กลายเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เรายิ่งตระหนักถึงความสำคัญด้านสุขภาพทั้งทางกายและใจ” นายเจมส์ ปาร์ค ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Fitbit กล่าว “ผลิตภัณฑ์และบริการล่าสุดจากเรา นับได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดที่ฟิตบิทได้พัฒนาขึ้น ซึ่งก็รวมถึงเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และอัลกอริทึมต่าง ๆ ที่ช่วยปลดล็อกข้อมูลด้านร่างกายและสุขภาพเพื่อให้คุณสามารถควบคุมดูแลตนเองได้ง่ายดายยิ่งขึ้น และด้วยการพัฒนาอุปกรณ์แวร์เอเบิลในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้คุณเข้าใจและสามารถบริหารจัดการความเครียดและสุขภาพหัวใจ ผ่านแผงข้อมูลที่เข้าใจง่าย ทำให้คุณสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพ เช่น อุณหภูมิผิว อัตราการเต้นของหัวใจ และ SpO2 ทำให้คุณเห็นว่าทุกอย่างสัมพันธ์การอย่างไร  และที่สำคัญคือ เราสามารถทำให้ทุกคนเข้าถึงการมีสุขภาพดีได้ด้วยข้อมูลที่คุณมักจะได้รับจากแพทย์เพียงแค่หนึ่งถึงสองครั้งต่อปี เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในช่วงเวลาที่คุณต้องการมากที่สุดเช่นในเวลานี้”

มอบประสบการณ์ใหม่โดย Fitbit Sense จัดเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกายที่ตอบสนองต่อความเครียด ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณ EDA (Electrodermal Activity) เพียงวางฝ่ามือลงบนหน้าปัดของเครื่องเพื่อวัดระดับความเข้มข้นของเหงื่อบนผิว และเก็บข้อมูลความคืบหน้าด้านสุขภาพจิต พร้อมด้วยฟีเจอร์ Stress Management Score คะแนนจาก 1-100 โดยคะแนนสูงหมายถึงภาวะร่างกายที่มีสัญญาณความเครียดน้อย และการให้คำแนะนำในการจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกหัดหายใจ และเครื่องมือช่วยทำสมาธิในรูปแบบต่างๆ สมาชิกแบบพรีเมียมสามารถเลือกรูปแบบการทำสมาธิได้ถึงกว่า 100 รูปแบบจากแบรนด์ดังอย่าง Aaptiv, Aura, Breethe และ Ten Percent Happier รวมถึงติดตามผลความคืบหน้าการของสติที่ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ

Fitbit Fall 2020-2.jpeg

นอกจากนี้ยังได้รวมนวัตกรรมด้านสุขภาพหัวใจไว้ใน Fitbit Sense นำเสนอการวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านข้อมือตลอด 24 ชั่วโมง และ Active Zone Minutes Fitbit Sense ยังเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Fitbit ที่มีแอป ECG เพื่อติดตามคลื่นหัวใจ ตรวจสอบความเสี่ยงภาวะหัวใจสั่น หรือ Atrial Fibrillation (AFib) ด้วยการวางนิ้วมือลงบนมุมข้างใดข้างหนึ่งของวงแหวนนาฬิกาประมาณ 30 วินาที ให้อุปกรณ์อ่านข้อมูลที่คุณสามารถดาวน์โหลดและแชร์ให้กับแพทย์ได้

เทคโนโลยี PurePulse 2.0 การวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ทันสมัยที่สุดของ Fitbit แจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจแบบสูงต่ำบนเครื่องที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งเตือนหากอัตราการเต้นของหัวใจผิดปรกติ แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่กระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ เช่น ความเครียดหรืออุณหภูมิ แต่อัตราการเต้นจังหวะสูงต่ำนั้นอาจเป็นสัญญาณถึงความเสี่ยงด้านสภาวะหัวใจที่อาจต้องปรึกษาแพทย์ เช่น ภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) หรือ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเต้นเร็วผิดปรกติ (Tachycardia)

Fitbit Sense ยังมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่สำคัญเหมือน Fitbit รุ่นอื่นๆ เช่น GPS และโหมดการออกกำลังกายกว่า 20 โหมด ฟีเจอร์อัตโนมัติ SmartTrack Cardio Fitness Level and Score และเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพการนอน และฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น ลำโพงและไมโครโฟนในตัวเพื่อให้สามารถตอบรับข้อความและออกคำสั่งจากเสียงผ่าน Amazon Alexa หรือ Google การใช้จ่ายแบบไร้สัมผัส การเข้าถึงแอปและหน้าปัดอีกกว่าพันรายการ แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 6 วัน พร้อมกับดีไซน์และนวัตกรรมล้ำสมัย ที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน น้ำหนักเบา และทนทานด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมที่ใช้ในการผลิตอากาศยาน กันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร หน้าจอแบบ AMOLED ที่ใหญ่ขึ้น ยังมีเซ็นเซอร์แสงที่จะหรี่ลงอัตโนมัติเพื่อความสบายตาในการมอง พร้อมการแสดงผลแบบ always-on ตอบสนองเร็วและมีความละเอียดสูง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Fitbit Sense ได้ ที่นี่

Fitbit Fall 2020-3.jpeg

Fitbit Versa 3 ที่จะทำให้คุณชอบมากกว่า

Fitbit ยังได้เปิดตัว Fitbit Versa 3 จากตระกูลสมาร์ทวอทช์ยอดนิยม พร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพ การออกกำลังกายและความสะดวกสบายในการใช้งาน ระบบ GPS บนเครื่อง แผนผังความเข้มข้นในการออกกำลังกาย และเทคโนโลยี PurePulse 2.0 รวมถึง Active Zone Minutes ที่จะให้คุณสามารถทำตามเป้าหมายด้านสุขภาพของคุณได้อย่างง่ายดายเสียยิ่งกว่าการวัดก้าวในแต่ละวัน นอกจากนี้ Fitbit Versa 3 ยังมาพร้อมลำโพงและไมโครโฟนในตัวสำหรับการรับส่งข้อความและการรับโทรศัพท์ หรือแม้แต่การส่งสายไปที่วอยซ์เมลและปรับระดับเสียงได้จากข้อมือ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานคำสั่งเสียงจาก Google Assistant และ Amazon Alexa Built-in ที่มีมาในเครื่อง ตั้งเตือนการออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือเวลานอน รวมไปถึงเช็กสภาพอากาศ การเพิ่มตารางช็อปปิ้งหรือการล้างมือ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านได้จากการออกคำสั่งตรงจากนาฬิกา นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการ Fitbit Pay เพื่อการใช้จ่ายที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการสัมผัส และยังสามารถเข้าถึงแอปและหน้าปัดกว่าอีก 1,000 รายการ คุณยังสามารถเลือกฟังเพลงจากพันธมิตรทางดนตรีอย่าง Deezer, Pandora และ Spotify เพื่อความสนุกสนานในการออกกำลังกาย การออกแบบมีความทันสมัยคล้ายคลึงกับ Fitbit Sense เพื่อความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการใช้งาน

พร้อมเปิดแท่นชาร์จแบบระบบแม็กเนติกที่สามารถใช้ร่วมกันได้ระหว่าง Fitbit Versa 3 และ Fitbit Sense เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 6 วัน และหากแบตเตอรี่เริ่มอ่อน คุณสามารถชาร์จแบบเร่งด่วนเพียง 12 นาที เพื่อเพิ่มระยะเวลาการใช้งานอีกหนึ่งวัน คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Fitbit Versa 3 ได้ ที่นี่

Fitbit Fall 2020-4.jpeg

ให้คุณได้มากกว่าด้วย Fitbit Inspire 2

ความสำเร็จของ Fitbit Inspire และ Inspire HR ไม่ได้มีเพียงสไตล์การออกแบบที่โดดเด่น แต่ยังมาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้ Fitbit Inspire 2 จึงได้เพิ่มคุณสมบัติขั้นสูง เช่น Active Zone Minutes การออกแบบที่ทันสมัยขึ้น ตัวเครื่องที่ถูกออกแบบให้บางและหน้าจอที่สว่างยิ่งขึ้น พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดจากทุกอุปกรณ์ของ Fitbit โดยสามารถใช้ได้ 10 วัน ฟิตเนส แทรคเกอร์ที่ใช้ได้ง่ายจะเป็นตัวช่วยเพื่อให้คุณสร้างวินัยที่ดีต่อสุขภาพ ด้วยหมวดหมู่การออกกำลังกายตามเป้าหมายกว่า 20 หมวด ระบบติดตามการนอนหลับขั้นสูง ระบบติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง ติดตามสุขภาพประจำเดือน รวมไปถึงการตรวจสอบสารอาหารและการดื่มน้ำ ควบคู่กับน้ำหนักของผู้ใช้งาน สร้างแรงกระตุ้นผ่านอุปกรณ์บนข้อมือ พร้อมด้วยการทดลองใช้งาน Fitbit Premium ฟรี 1 ปี ช่วยให้ Fitbit Inspire 2 มีคุณค่าเพิ่มขึ้นในการให้คำแนะนำและแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Fitbit Inspire 2 ที่นี่

Fitbit Fall 2020-5.jpeg

Fitbit Premium ให้คุณได้มากขึ้นจากอุปกรณ์ฟิตบิทของคุณ

Fitbit Premium ยกระดับประสบการณ์ฟิตบิทเมื่อจับคู่กับอุปกรณ์ของฟิตบิท ปลดล็อคการวิเคราะห์ข้อมูล และข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคลที่เป็นการเชื่อมต่อกิจกรรมต่างๆ ของคุณ รวมไปถึงการนอนและจังหวะการเต้นหัวใจ Fitbit Premium นำเสนอเครื่องมือด้านการนอนหลับขั้นสูง คลิปการออกกำลังกายมากกว่าร้อยรายการจากสตูดิโอชื่อดัง เช่น Aaptiv barre3  Daily Burn Down Dogobé Physique 57 POPSUGAR และ Yoga Studio โดย Gaiam เช่นเดียวกับเทรนเนอร์และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง อย่าง Aaptiv Aura  Breethe และ Ten Percent Happier รวมถึงเกมและความท้าทายต่าง ๆ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ แนะนำกิจกรรม การนอนหลับและโภชนาการ ตลอดจนรายงานสุขภาพเพื่อร่วมแบ่งปันในทีม Fitbit Premium ยังคงต่อยอดการบริการข้อเสนอต่างๆ และขยายการเข้าถึง ด้วยผู้ใช้บริการแบบพรีเมียมกว่า 500,000 รายทั่วโลก หลังเปิดบริการเพียงหนึ่งปี พรีเมียมจะมีการขยายบริการไปยังภาษาดัตช์ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาเลียน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาสเปน และภาษาสวีดิชภายในปลายเดือนกันยายน ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพให้ผู้ใช้ฟิตบิทโลกได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการให้บริการ

ราคาและการวางจำหน่าย

Fitbit Sense จำหน่ายในราคา 11,990 บาท Fitbit Versa 3 ในราคา 9,190 บาท พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสำหรับ Fitbit Sense และ Fitbit Versa 3 หลายรูปแบบรวมถึงสายถักจากไนลอนรีไซเคิล (REPREVE) นอกจากนี้ยังมีสายแบบถักสานจาก Pendleton และ Victor Glemaud สำหรับสายถักเชฟรอน โดยราคาเริ่มต้นที่ 1,190 บาท Fitbit Inspire 2 วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสำหรับ Fitbit Inspire 2 อาทิ สายหนังพรีเมียม Horween และคลิปรัดสายนาฬิกาสีดำโดยราคาอุกรณ์เสริมของ Fitbit Inspire 2 จะเริ่มต้นที่ 990 บาท

Fitbit Premium เปิดให้บริการโดยราคาอยู่ที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี สำหรับผู้ใช้ Fitbit Premium นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการได้ในประเทศสิงคโปร์ สามารถเยี่ยมชมได้ผ่าน Fitbit app หรือ Fitbit.com