ช่วงนี้กระแสของ Samsung มาแรงมาก ๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจอแต่โฆษณา Galaxy S3 ของ Samsung คาดว่าคงจะชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเราจะมาดูมุมมองของ Galaxy S3 ในอีกความเห็นหนึ่งกันครับ โดยเราจะไม่ขอพูดข้อมูลเทคนิคในเชิงลึกมาก (ข้อมูลนั้นดูจากเว็บผู้ผลิตหรือเว็บมือถือที่ไหนก็ได้) แต่จะขอพูดถึงแง่ความเห็นและประสบการณ์รวมถึงจุดเด่น จุดสังเกตมากกว่า ^^

Samsung-Galaxy S3-1

สเปค Samsung Galaxy S3
– จอแสดงผลกว้าง 4.8 นิ้ว แบบ HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen ความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล
– ระบบประมวลผลแบบ Quad-Core ARM Cortex-A9 (Exynos 4212 Chipset) Processor ความเร็ว 1.4 GHz
– หน่วยประมวลผลภาพ (GPU) Mali-400MP
– ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0.4 Ice Cream Sandwich
– หน่วยความจำ RAM ขนาด 1GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB, 32GB และ 64GB
– รองรับเครือข่าย 2G, 3G และ 4G (เฉพาะบางประเทศ)
– รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0, GPS (A-GPS)
– User Interface แบบ TouchWiz 4.0 UI

Samsung-Galaxy S3-3

สำหรับ Samsung Galaxy S3 นั้นเปิดตัวที่ราคา 21,900 บาท ซึ่งดูเหมือนว่าเครื่องนอกหรือเครื่องในประเทศราคาก็จะพอ ๆ กันด้วยซ้ำ (ของไม่พอขาย) สำหรับใครที่คิดจะซื้อก็แนะนำซื้อเครื่องใน (เครื่องศูนย์) จะดีกว่า 😀

Samsung-Galaxy S3-2

แล้วคุณกับมือถือจะเป็นหนึ่งเดียว
แนวคิดการออกแบบของ Samsung Galaxy S3 นั้นมีแนวคิดการออกแบบที่สุดโต่งคือ แต่เดิมทีการที่จะออกแบบมือถือนั้นจะมาจากทีมวิศวกรก่อน ซึ่งจะกำหนดอุปกรณ์ภายในรวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นจึงส่งไปให้ทีมดีไซน์เนอร์ออกแบบตัวเครื่องออกมา แต่แนวคิดใหม่นี้จะให้ดีไซน์เนอร์ออกแบบก่อนแล้วจึงค่อยไปว่ากันในเชิงเทคนิคอีกที (มีต่อ)

Samsung-Galaxy S3-4

(ต่อ) การออกแบบนั้นจะยึดตามคอนเซป “Design for human inspired by Nature” หรือก็คือออกแบบมาสำหรับมนุษย์โดยได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โดยการใช้งานนั้นต้องเหมาะกับสรีระของมนุษย์มากที่สุด และแรงบันดาลใจจากธรรมชาตินั่นก็คือธรรมชาตินั้นไม่มีเส้นตรง ตัวเครื่องจึงเป็นโค้งซะหมด (ให้อารมณ์เหมือนจับก้อนหิน) เวลาสัมผัสหน้าจอก็จะมีเสียงหยดน้ำด้วย (มีต่อ)

Samsung-Galaxy S3-5

(ต่อ) นอกจากนี้สีที่ Samsung ภูมิใจนำเสนอก็คือสีขาว สาเหตุที่ว่าทำไมต้องเป็นสีขาว? ก็เพราะว่าสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์ ล้วนจะทำมาจากสีขาว แต่ถ้าเป็นสีน้ำเงินอย่างตัวเครื่องที่รีวิวนี้ก็จะมาจากหิน Lapis Lazuli ซึ่งเป็นสีเดียวกันและถูกใช้มานานตั้งแต่สมัยอียิปซ์โบราณ (ส่วนใหญ่เราจะเห็นโฆษณาตามร้านหรือตามห้างเป็นหินสีนี้ซะส่วนใหญ่)

Samsung-Galaxy S3-6

นอกจากดีไซน์ประสิทธิภาพก็ไม่แพ้กัน
สเปคด้านในทาง Samsung ได้จัดหนักและจัดเต็ม (แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้) ซึ่งแน่นอนว่าเป็น Quad-Core หรือแม้กระทั่ง RAM 1GB แต่พวกเรื่องกล้องอะไรพวกนี้ยังถือว่าต่ำกว่าที่เคยคิดไว้

Samsung-Galaxy S3-10

ดูเหมือนคราวนี้ Samsung จะเดินมาถูกทาง
เมื่อก่อน Samsung เป็นเจ้าที่บ้าสเปคมาก ตั้งแต่สมัยก่อน Galaxy S2 (และรวมถึง Galaxy S2 ด้วย) ซึ่งสเปคจะล้ำคู่แข่งตลอด สมัยนี้มีคนบอกจอ Galaxy S2 สวย แต่ผมคิดว่ามันไม่สวยนะ สีมันสดเกินไปจนทำให้อะไรต่อมิอะไรเพี้ยนไปหมด พอมาถึง Galaxy S3 ผมคิดว่าหลาย ๆ อย่างอยู่ตัวละ ที่เน้นประสบการณ์ผู้ใช้งานมากกว่าสเปคในกระดาษ (มีต่อ)

Samsung-Galaxy S3-7

(ต่อ) ประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ทาง Samsung ได้มอบให้กับผู้ใช้งานนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น App ในเครื่องหรือบริการสุดพิเศษสำหรับลูกค้า Galaxy S3 ที่มี S Voice ที่ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับ Siri ของ Apple แต่ก็สามารถทำได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว หรือแม้กระทั่ง S Memo ที่ใช้สำหรับจดบันทึกต่าง ๆ เหมือนกับ Galaxy Note หรือ S Planner ที่เป็นปฎิทินที่ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะพบความเจ๋งของมัน

Samsung-Galaxy S3-19

ระหว่างที่ผมพูดวิจารณ์มันไปพลาง ๆ พร้อมกับให้ชมรายละเอียดทุกซอกทุกมุมของ Galaxy S3 หลาย ๆ คนคงติดใจสงสัยว่าวัสดุนั้นทำมาจากอะไร? ตรงนี้คงต้องบอกได้เลยครับว่ามันคือพลาสติก แต่ไม่ใช่พลาสติกกาก ๆ ที่ใช้ใน Android รุ่นต่ำ ๆ นะครับ เป็นพลาสติกคุณภาพสูงที่สามารถทนการบิดงอได้มากเลยทีเดียว

Samsung-Galaxy S3-13

เปลี่ยนแบตฯ ได้และเพิ่มการ์ดได้ สมัยนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ
จริงครับมือถือสมัยนี้หาได้น้อยรายมากที่ยอมให้ผู้ใช้แกะฝาหลัง เพื่อเพิ่มการ์ดหรือยิ่งเปลี่ยนแบตฯ นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย แต่สำหรับ Galaxy S3 นอกจากความจุเครื่อง 16GB ที่ทาง Samsung ให้มาผู้ใช้งานยังสามารถเพิ่ม Micro SD ด้วยตัวเองได้อีกด้วย จะซื้อซัก 32GB ก็ราคาตกแค่ไม่กี่บาทเท่านั้นเอง ตรงนี้ถือว่าคุ้มค่ามากครับ เพราะมีแค่ไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่กล้าให้ได้ถึงขนาดนี้

Samsung-Galaxy S3-8

ซิมที่ใช้เป็นแบบ Micro SIM ที่หากใครเป็นลูกค้า Apple เก่าแล้วเกิดอยากเปลี่ยนใจมาใช้ Galaxy S3 ก็สามารถใช้ได้เลย

Samsung-Galaxy S3-9

ไม่ต้องง้อ Battery Extranal อีกต่อไป (แค่ตัวมันเองก็ 2100mAh แล้ว) คราวนี้สามารถพกแบตเตอรี่ 2-3 ก้อนไปไหนมาไหนได้เลย เปลี่ยนเอาดิบ ๆ เหมือนสมัยก่อนนี่แหล่ะ หากพูดถึงเรื่องอายุการใช้งานสำหรับคนซื้อไปใช้ยาว ๆ ถือว่าคุ้มมากเลยครับ เพราะใช้ไปซักปีสองปีแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ก็สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่ (แบตเตอรี่ Samsung หาง่ายครับ)

Samsung-Galaxy S3-16

ขนาดตัวเครื่อง
ขนาดของตัวเครื่องโดยรวมอยู่ที่ 136.6 x 70.6 x 8.6 มิลลิเมตร ถือว่าแอบบางนิด ๆ แต่คงไม่เท่าไหร่แค่พอให้จับเครื่องและเก็บใส่กระเป๋ากางเกงง่ายมากกว่า สำหรับน้ำหนักอยู่ที่ 133 กรัม

Samsung-Galaxy S3-14

S Voice ถึงจะไม่ค่อยฉลาด แต่เราก็สนุกกับมันได้
สำหรับ S Voice สำหรับการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ถึงแม้มันจะไม่ฉลาดเท่ากับ Siri ของ Apple แต่เท่าที่ทดสอบกับ S Voice ดูแล้วเหมือนกับว่ามันจะค่อนข้างเข้าใจสำเนียงคนไทยได้มากเลยทีเดียว ส่วนคำสั่งนั้นก็มีพอประมาณไม่เยอะไม่น้อยมาก เท่านั้นยังไม่พอเรายังสามารถสั่งมันให้เปิดเครื่อง (ตอนล็อคหน้าจออยู่) หรือแม้กระทั่งสั่งเปิดกล้อง (ตอนล็อคหน้าจออยู่) รวมทั้งคำสั่งพื้นฐานอย่างสั่งโทร สั่งเล่นเพลง ฯลฯ แต่ !!! ต้องอยู่ในห้องเงียบ ๆ นะ ไม่งั้นมันแยกเสียงไม่ออกจริง ๆ (มีต่อ)

(ต่อ) พวกการปลดล็อคเครื่องนี้เราไม่จำเป็นต้องพูดตามมันก็ได้ เราสามารถบันทึกคำสั่งเสียงของเราเองได้ อย่างผมใช้คำว่า “เปิดเครื่อง” และ “เปิดกล้อง” หรือ “มีใครโทรมาบ้าง?” มันก็จะแสดงเบอร์ที่ไม่ได้รับสายได้เลยทันที คิดว่ามันสามารถบันทึกคำสั่งได้ราว 4-5 คำสั่งครับ และสามารถตั้งให้มันทำงานได้ตั้งแต่เครื่องยังไม่ปลดล็อคเลย อยากให้ทุกคนลองเล่นดูครับ

Samsung-Galaxy S3-12

หน้าจอที่สุดแสนประทับใจ
สำหรับหน้าจอนั้นถือว่าใหญ่สะใจแต่ไม่ใหญ่เวอร์จนกดไม่ถนัดเหมือน Galaxy Note โดยหน้าจอจะอยู่ที่ 4.8 นิ้ว มาพร้อมกับเทคโนโลยี HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen ที่ความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล ให้สีสันสดใสโดยที่ไม่เวอร์มากเหมือน Galaxy S2 ส่วนกระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 2 ซึ่งทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิม

Samsung-Galaxy S3-11

จะไม่ยอมหลับหากคุณยังลืมตา
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เข้าใจมนุษย์มากยิ่งขึ้น เข้าใจความเป็นคนมากยิ่งขึ้นซึ่ง Samsung เรียกมันว่า “SmartStay” ซึ่งหลักการทำงานของมันง่าย ๆ ไม่ปวดหัวคือมันจะมีช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จอจะดับ เช่นว่า 1 นาที 5 นาที อะไรก็ว่ากันไป (รุ่นอื่น ๆ ในโลกก็มี) โดยก่อนที่จอจะดับนั้นกล้องหน้าของ Galaxy S3 จะเปิดออก (ทำงานเป็นเบื้องหลัง) ตรวจจับว่ามีหน้าคนที่กำลังลืมตาอยู่บนจอหรือปล่าว? ถ้าหากมีจอจะยังไม่ถูกล็อคเท่านั้นเองครับ แต่ได้ใจมากกมาย ข้อเสียคือถ้ามืดเกินไปมันก็ตรวจจับไม่เจอเช่นกัน

Samsung-Galaxy S3-17

น่าเศร้าที่กล้องดีแต่ยังไม่ถึงที่สุด
ความคาดหวังกับคนที่คาดว่ามันน่าจะมาพร้อมกับกล้อง 12MP กลับไม่ใช่เสียนี่ เป็นแค่กล้อง 8MP เหมือนกับสมัย Galaxy S2 ซึ่งค่อนข้างจะผิดหวังอย่างแรง (แต่ก็ยังดีกว่าสมัยก่อนนะ) โดยมีความเร็วชัตเตอร์มากขึ้น สามารถถ่าย Burst shot ด้วยความเร็ว 3.3 รูปต่อวินาที และถ่ายต่อเนื่องได้ 20 ภาพ (มันจะเลือกภาพที่ดีที่สุดให้ได้ด้วยนะ) และโหมด HDR และยังสามารถถ่ายแบบ Zero Shutter Lag หรือก็คือกดชัตเตอร์ปุ๊บ จับภาพทันที ไม่มีดีเลย์และยังสามารถถ่ายต่อได้ทันทีอีกด้วยครับ

Samsung-Galaxy S3-18

ขอพูดนิดหน่อยเรื่องปัญหาการออกแบบ
สำหรับการออกแบบเรื่องตำแหน่งกล้องคงต้องขอพูดเล็กน้อย ตรงนี้ว่าตำแหน่งกล้องอยู่ตรงกลางและมุมมาก ทำให้เวลาจับเครื่องสองมือแล้วจะเกิดอาการ “มือบังกล้อง” แบบในภาพด้านบน ซึ่งบางคนอย่างผมไม่ค่อยถนัดจับมือเดียวเท่าไหร่เพราะไม่มั่นคง และมือไม่นิ่ง (มีต่อ)

Samsung-Galaxy S3-15

(ต่อ) ถ้าจะให้ใช้งานได้ดีต้องจับมือเดียวแบบนี้ครับ ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy S3

Samsung-Galaxy S3-21

Samsung-Galaxy S3-20

Samsung-Galaxy S3-22

Samsung-Galaxy S3-23

เรื่องสีสันและความคมชัดนั้นดีทีเดียว ภาพที่ถ่ายจะมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 3264 x 2448 พิกเซล สามารถถ่ายได้ดีแม้ในภาวะแสงน้อย หรือระยะใกล้ แต่ก็อย่างว่าแหล่ะครับในตลาดยังมีกล้องดีกว่านี้อยู่เยอะ

ข้อดี
1. หน่วยประมวลผลสุดแรง Quad-Core 1.4Ghz
2. App และ Software ในตัวเครื่องทำได้ดีสุด ๆ ลูกเล่นเยอะมาก
3. แบตเตอรี่ความจุ 2100mAh
4. ได้ Dropbox 50GB ฟรีเป็นเวลา 2 ปี (มูลค่าหลายพันบาทอยู่)
5. เพิ่ม Micro SD และเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
6. มาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่นล่าสุด 4.0.4 Ice Cream Sandwich จากโรงงาน

ข้อสังเกต
1. ตำแหน่งกล้องอยู่ในจุดที่มีโอกาสมือบังได้ง่าย ๆ
2. ราคาค่อนข้างสูง
3. ไม่มีสีดำให้เลือก (ซึ่งควรจะเป็นสีมาตรฐาน)
4. สดุเป็นพลาสติกไม่ค่อยดูหรูหราเท่าที่ควร

สรุป
จากการที่ได้ทดสอบมา คงต้องขอพูดเลยว่า Samsung Galaxy S3 เป็น Android ที่ไม่เหมือนคนอื่น เป็น Android ที่แตกต่างและมีจุดยืนของตัวเอง ฉีกประสบการณ์เดิม ๆ ที่เคยคิดว่า Android เครื่องไหน ๆ ก็เหมือนกันออกไป การใช้งานมีฟีเจอร์แปลก ๆ ที่ทำให้เราตกตะลึงและตกใจได้เสมอ โดยรวมแล้วประทับใจกับเครื่องนี้มากครับ และคุณล่ะ “เชื่อในรักแรกพบไหม?”