วันนี้ทีมงาน iReview.in.th จะพามารู้จักกับหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Plantronics รุ่น BackBeat SENSE ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ลองฟังมา รู้สึกประทับใจมากกับคุณภาพเสียง รวมถึงวัสดุและดีไซน์ของหูฟังรุ่นนี้ อย่ากระนั้นเลยไปชมรีวิวกันดีกว่าค่ะ

สำหรับหูฟัง BackBeat SENSE นั้นเป็นหูฟังบลูทูธ ที่ถอดพังก์ชั่นเด่น ๆ ของรุ่นพี่อย่าง BackBeat PRO มาเป็น Stereo Bluetooth Headset ที่ย่อขนาดมาให้เหมาะสำหรับการพกพา แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและฟังก์ชั่นเด่น ๆ ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง BackBeat PRO กันเลยทีเดียว

Plantronics BackBeat SENSE
Plantronics BackBeat SENSE

Plantronics BackBeat SENSE

สำหรับกล่องจะมีรูปผลิตภัณฑ์แสดงที่ด้านหน้า ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ ขาวกับดำ สามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายหรือสั่งออนไลน์กับ ShopAt7 (ส่งฟรีรับของที่ 7-11) ราคา 6,950 บาท

Back-Beat-Sense (3)

ด้านหลังกล่องก็จะระบุรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ของผลิตภัฑ์เอาไว้ ซึ่งคุณสัมบัติหลักของ Plantronics BackBeat SENSE มีดังนี้

  • น้ำหนัก 140 กรัม
  • ฟังเพลงต่อเนื่องนาน 18 ชั่วโมง สแตนด์บายได้สูงสุด 21 วัน
  • มีไฟ LED แจ้งระดับแบต และแสดงบน iOS หรือ Android ด้วย
  • Class 1 Bluetooth 4.0 + EDR เชื่อมต่อเพลงได้ในรัศมี 100 เมตร
  • รองรับการเชื่อมต่อได้ 2 เครื่องพร้อมกัน
  • มี Smart Sensor ที่จะเล่นหรือหยุดเพลงอัตโนมัติ ทันทีที่ถอดหรือใส่หูฟัง
  • มีปุ่ม เปิด/ปิด เสียงไมโครโฟน (OpenMic Technology)
  • โชว์สถานะแบตเตอรี่ที่หน้าจอมือถือหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
  • สามารถหาโลเคชั่นล่าสุดที่คุณวางหูฟังไว้ด้วยแอพพลิเคชั่น Plantronics Find MyHeadset
  • ไมโครโฟนคู่คมชัดระบบดิจิตอล (Dual microphones)

โดยก่อนหน้านี้ Plantronics เปิดตัวหูฟัง Voyager Focus UC และ BackBeat Sense ในไทย ดังนั้นจะเรียกว่า “รุ่นใหม่ล่าสุด” ก็ว่าได้ครับ

Back-Beat-Sense (4)

สไลด์กล่องสีขาวออกมา เจอกับกล่องหูฟัง ดูแข็งแรงทนทานดี

Back-Beat-Sense (5)

เมื่อเปิดกล่องออกมา ยังพบว่ามีกระดาษห่อตัวหูฟังไว้อีก ทำให้นึกถึงซูชิขั้นเทพในตำนาน ที่ห่อหลายชั้นมากมาย ฮาา แต่ในกล่องยังมีใบรับประกันวางให้เห็นเด่นชัด ซึ่งมีการรับประกัน 1 ปี

Back-Beat-Sense (6)

เมื่อเปิดกระดาษออก ก็จะพบกับหูฟัง !! ซะที่ไหนเล่า (มีหลายชั้นขนาดนี้ ดูเลอค่าขึ้นมากเลยนะคะ) อันนี้จะเป็นซองสำหรับใส่หูฟัง ซึ่งตัวหูฟังและอุปกรณ์ต่าง ๆ ถูกบรรจุไว้ในซองนี้นั่นเอง

Back-Beat-Sense (7)

แท่นแท๊น !! หลังจากรอคอยจะได้ยลโฉมหูฟัง BackBeat SENSE ในที่สุดก็เจอสักที ซึ่งในซองใส่หูฟังจะมี ตัวหูฟัง, สาย Micro USB, สาย AUX และคู่มือการใช้งานมาให้ค่ะ

Back-Beat-Sense (13)

สำหรับหูฟังรุ่น BackBeat SENSE มีดีไซน์ที่สวยงาม น้ำหนักเบา ซึ่งเหมาะแก่การพกพามากขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง BackBeat PRO และอีกอย่างที่เห็นได้ชัดนอกจากขนาดที่เล็กลงแล้ว หูฟังยังเป็นแบบที่ปิดหู มีแสดง L R ชัดเจน ซึ่งต่างจาก BackBeat PRO ที่หูฟังเป็นแบบครอบ

Back-Beat-Sense (8)

สำหรับหูฟังของ BackBeat SENSE นอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามแล้ว วัสดุที่ใช้ก็ถือว่ามีคุณภาพมาก ๆ โดยเฉพาะส่วนที่หุ้มหนังนั้นมีความนุ่มมาก ๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะเวลาในการสวมใส่ฟังเพลง และด้วยน้ำหนักที่เบา ทำให้สามารถใส่ได้นานโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บหูเลยค่ะ (เมื่อเทียบกับหูฟังก่อน ๆ ที่เคยใส่มา เมื่อใส่ไปสักพักจะรู้สึกเจ็บที่ใบหูประจำ จากการกดทับของหูฟัง แต่สำหรับ BackBeat SENSE เมื่อใส่ไปนานมาก ๆ ถึงจะรู้สึกเจ็บนิด ๆ เท่านั้นค่ะ)

Back-Beat-Sense (9)

มาดูกันที่แกนหูฟัง บางคนอาจเคยมีปัญหาเพราะขนาดของศรีษะนั้นไม่เหมาะสมกับหูฟัง (โดยเฉพาะดาวเอง เป็นคนที่ศรีษะเล็กมาก มักจะมีปัญหากับหูฟังตลอด เพราะหูฟังจะค่อนข้าหลวมไป ทำให้เวลาใส่เดินหูฟังจะขยับตลอด) แต่สำหรับ BackBeat SENSE นั้นสามารถปรับระดับได้ถึง 10 ระดับ ไม่ว่าศรีษะจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

Back-Beat-Sense (10)

ตรงส่วนของกรอบหูฟังใช้พลาสติกคุณภาพดี มีความแข็งแรงพอสมควร และหูฟังนั้นก็สามารถหมุนได้ 180 องศาเลยค่ะ และจะสังเกตุเห็นว่าตรงหูฟังมีปุ่มควบคุมด้วย เก็บความสงสัยมาอ่านต่อด้านล่างเลยค่ะ

Back-Beat-Sense (11)

สำหรับหูฟัง BackBeat SENSE นั้น ตรงส่วนของหูฟังจะฟีเจอร์การใช้งานทั้ง 2 ข้าง โดยที่หูฟังด้านขวาจะมีปุ่มสำหรับรับโทรศัพท์กด 2 ครั้ง เพื่อโทรออกเบอร์ล่าสุด รวมถึงปุ่มพาวเวอร์สำหรับ เปิด-ปิด หูฟัง ที่อยู่ตรงด้านข้าง

Back-Beat-Sense (12)

มาดูที่หูฟังด้านซ้ายกันบ้าง ซึ่งจะมีปุ่มมากมายสำหรับควบคุมการเล่นเพลงโดยเฉพาะ โดยจะมีปุ่มเลื่อน Previous/Next และปุ่ม Play/Pause อยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ตรงส่วนหูฟังด้านนอกสามารถหมุนเพื่อปรับระดังของเสียงเพลงได้ค่ะ และสุดท้ายปุ่มสีแดงที่ยื่นออกมาด้านล่างนั้น คือปุ่ม Mute ไว้หยุดเพลงเพื่อฟังเสียงจากภายนอก ทำให้สามรถพูดคุย โดยไม่ต้องถอดหูฟัง หรือแม้แต่ข้ามถนน ก็สามารถได้ยินเสียงรถ เสียงแตรรถได้ครบถ้วน

Back-Beat-Sense (14)

สำหรับการเชื่อมต่อหูฟังกับ Smart Phone ครั้งแรกให้เลื่อนปุ่ม Power ขึ้นไปข้างบนให้สุดและค้างไว้สักแปปนึง เพื่อทำการ Pairing

Back-Beat-Sense (15)

สุดท้ายที่หูฟังด้านขวา ข้างล่างหูฟังจะมีพอร์ต Micro USB ไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ค่ะ

Back-Beat-Sense (1)

ใช้งานจริง

สิ่งแรกเลยที่เมื่อเห็นหูฟังคือรู้สึกชอบดีไซน์ เพราะด้วยรูปทรงและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกติดตัวไปไหนต่อไหน และตัวหนังหุ้มหูฟังเองมีความนุ่ม ทำให้สามารถใส่ได้นาน ๆ โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บ หรือรำคาญอะไร และที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดคือเรื่องของ Smart Sensor ที่สามารถหยุดเพลงเมื่อถอดหูฟัง แต่เมื่อใส่หูฟังเพลงก็จะเล่นต่อจากเดิมโดยอัตโนมัติค่ะ

ในด้านคุณภาพเสียง จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นกูรูด้านเสียงอะไร จึงขอพูดในฐานะคนธรรมดา ลองฟังแล้วก็รู้สึกประทับใจ เพราะเสียงที่ได้มีความชัด รายละเอียดครบถ้วน แม้ว่าคุณภาพเสียงอาจจะสู้รุ่นพี่อย่าง BackBeat PRO ไม่ได้นิดหน่อย เพราะตัดพีเจอร์ Active Noise Cancellation (ANC) ออกไป ที่ช่วยเรื่องการบล็อกเสียงรอบข้าง แต่คุณภาพเสียงโดยรวมก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมากแล้ว ถ้าได้ลองฟังแล้วจะต้องประทับใจแน่ ๆ สำหรับเรื่องแบตเตอรี่นั้นสามารถสแตนบายด์ได้นาน 21 วัน ซึ่งจากที่ลองใช้งานใส่ฟังเพลงตลอดทั้งเช้าและเย็นก็อยู่ได้ประมาณ 2-3 วัน/การชาร์ต 1 ครั้งเลยค่ะ

ข้อดี

  1. ฟีเจอร์เยอะครบทุกอย่าง
  2. แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
  3. ใส่สบายไม่เจ็บหูและพกพาสะดวก

ข้อเสีย

  1. ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน
  2. หากคนอยากได้หูฟังอย่างเดียว (ไม่อยากได้ฟีเจอร์) ราคานี้อาจแพงไป

สรุป

สำหรับใครที่อยากได้ Plantronics BackBeat SENSE ราคาอยู่ที่ 6,950 บาท (ซึ่งถือว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับคุณภาพและฟีเจอร์ที่ได้รับ) โดยมีด้วยกันสองสีคือ Black-Espresso และ White-Tan โดยหากใครกำลังมองหาหูฟังคุณภาพสูง ที่ดูดีมีไลฟ์สไตล์ และมาพร้อมฟังค์ชั่นครบถ้วน ก็ขอแนะนำ BackBeat SENSE ตัวนี้แหละค่ะ … ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.plantronics.systems2000.co.th