หลายคนอาจจะสงสังว่าทำไมผมใช้คำว่า “ตำนาน” ใช่ครับ LG ตายแล้ว พักหลังมานี่ไม่มีมือถือรุ่นไหนของ LG เลยที่ควรค่าแก่การซื้อ (LG เคยโด่งดังมากจนของไม่พอขายในสมัย Optimus One) ในมุมมองของผมมันคือมือถือเกาหลีที่ไม่มีวันเทียบชั้น SAMSUNG ได้เลยแม้แต่น้อย หากให้เปรียบก็คงเหมือน AMD ในสายตาของ Intel แต่วันนี้ผมเชื่อครับว่า “ตำนานได้กลับมาเกิดอีกครั้งแล้ว”

Review-LG-G2 (1)

[message_box title=”LG G2″ color=”red”]ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 19,900 บาท มีจำหน่ายตามตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือชั้นนำทั่วไป[/message_box]

Review-LG-G2 (2)

สเปค LG G2

  • ระบบปฏิบัติการ : Android 4.2.2
  • หน่วยประมวลผล : Quad-core Snapdragon 800 2.26 GHz
  • กราฟฟิก : Adreno 330
  • หน้าจอ : IPS 5.2″ ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (423 ppi)
  • แรม : 2 GB
  • รอม : 32 GB (ไม่รองรับ micro SD)
  • กล้องหลัง : 13 MP พร้อมเทคโนโลยีลดอาการสั่นไหวของภาพ (Optical Image Stabilization)
  • กล้องหน้า : 2 MP
  • ไร้สาย : 3G, 4G (ต้องปลดล็อคก่อน), Bluetooth 4.0, WiFi b/g/n/ac 5Ghz, NFC, Infrared Port
  • 3G/4G : HSDPA 850/900/1900/2100, LTE 850/900/1800/2100/2600
  • พอร์ทเชื่อมต่อ : หูฟัง 3.5 มม., micro USB
  • แบตเตอรี่ : 3,000 mAh
  • ขนาด : 138.5 x 70.9 x 8.9 mm.
  • น้ำหนัก : 143 กรัม

Review-LG-G2 (3)

สำหรับเครื่องศูนย์ไทย (จริง ๆ ก็น่าจะเหมือนกันทั่วโลกแหล่ะ ยกเว้นเครื่องที่จำหน่ายที่เกาหลี) จะเป็นเครื่อง 4G ที่ถูกล็อคมาจากโรงงาน ซึ่งถ้าหากใครต้องการที่จะใช้งานแนะนำให้ทำตาม [ How-To ] : ตั้งค่าให้ LG G2 (เครื่องศูนย์) ใช้งาน 4G LTE ของ @Papayatop

Review-LG-G2 (4)

แกะกล่อง LG G2

จุดเด่นของรุ่นนี้ก็ตามแผ่นแปะหน้าจอเลยครับ KnockOn (สัมผัสหน้าจอสองครั้งเพื่อปลดล็อค) แล้วก็เป็น Quad-core Snapdragon 800 2.26 GHz (สเปคที่แรงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้) หน้าจอ 5.2″ เป็น Full HD แบบ IPS ซึ่งให้สีที่สมจริงไม่เหมือน Super Amoled (ที่ผมมักเรียกมันว่า “จอสีเพี๊ยน”) ส่วนกล้อง 13 MP มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่นใน Hardware เลย (OIS) และสุดท้ายคือแบตเตอรี่สูงถึง 3,000 mAh ในน้ำหนักเพียงแค่ 143 กรัม !!!

Review-LG-G2 (5)

อุปกรณ์ในกล่องที่แถมมา ชอบหูฟังตรงที่เป็นแบบ In-ear ซึ่งหูแถมของ LG G2 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเลยครับ ย้ำ !!! เสียงดีมาก แถมที่แกะซิมการ์ดก็ยังเป็นตัว “G” อีกต่างหาก ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลต่อการใช้งานแต่ยอมรับเลยว่า LG ใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ

Review-LG-G2 (6)

หูฟังที่แถมมาของ LG ครับ จุกหูฟังจะเอียงเล็กน้อยตามสรีระของร่างกายผู้สวมใส่

Review-LG-G2 (7)

รีวิวใช้งานจริง LG G2

ครั้งแรกที่ได้เห็นประทับใจมากครับ กับขอบจออันแสนจะแคบของมัน ทำให้เราสามารถใช้งานเครื่องที่จอใหญ่ได้มากขึ้น ในขนาดที่ไม่เกะกะจนเกินไป เป็นหน้าจอ 5.2″ ที่ไม่รู้สึกว่ามันเกะกะเลยจริง ๆ

Review-LG-G2 (8)

การดีไซน์ลำโพงให้อยู่ด้านล่างของเครื่องเช่นเดียวกับ iPhone ช่วยให้เสียงสามารถปล่อยออกมาได้ดีขึ้น (ไม่ตัน) ต่างจากรุ่นเกือบ 90% ของตลาดที่มีลำโพงอยู่ด้านหลังเครื่อง แต่น่าเสียดายที่เสียงที่ได้จากลำโพงของ LG G2 นั้นไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ซึ่งหากดูจากรีวิวของ gsmarena ตรงบรรทัดล่างสุด จะพบว่า LG G2 ลำโพงเสียงดังกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานเยอะเลยครับ (แต่ก็ไม่ได้ถึงกับไม่ได้ยินนะ เอาเป็นว่าถ้าคุณรับ Xperia Z ได้ คุณก็รับ LG G2 ได้เหมือนกัน)

ความเจ๋งอย่างหนึ่งของลำโพง LG G2 คือถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยดัง แต่มันสามารถใช้เล่นไฟล์ 24bit 192kHz ได้เช่นเดียวกับ Galaxy Note 3 แต่ปัญหาคือไฟล์พวกนี้หายากมาก สำหรับเพลงสมัยใหม่เพราะไฟล์จะค่อนข้างใหญ่มาก ประมาณ 100MB+

Review-LG-G2 (9)

ฝาหลังของ LG G2 ไม่สามารถแกะได้ (ยกเว้นเครื่องที่ขายในเกาหลีสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ 2,600 mAh ได้) แต่เครื่องที่ขายทั่วโลกก็ดูเหมือนจะได้กว่า เพราะได้แบตเตอรี่ถึง 3,000 mAh ส่วนตัวผมสามารถใช้งานมันได้เกินวันสบาย ๆ อันนี้ไม่ได้โม้เลยเพราะมันอึดจริง ๆ

อ้อ … สำหรับ micro SD ไม่สามารถเพิ่มได้นะครับ แต่ตัวเครื่องเองก็จัดให้มาถึง 32GB ซึ่งสำหรับผมมันเกินพอครับ

Review-LG-G2 (10)

LG เรียนรู้จากผู้ใช้งานมาว่าส่วนใหญ่นิ้วมือเวลาใช้งานจะอยู่ด้านหลัง ดีไซน์ใหม่จึงออกมาเป็นเช่นนี้ เท่าที่ทดสอบดูก็กดง่ายขึ้นเยอะครับ แถมยังช่วยให้ตัวเครื่องดูบางขึ้นอีกด้วย และไฟ LED ด้านหลังสามารถกระพริบเป็นสี ๆ ตามประเภทการเตือนได้ครับ

Review-LG-G2 (11)

วัสดุด้านหลังของ LG G2 เป็นพลาสติกที่ถูกทำพื้นผิวให้เป็นลายขรุขระ แต่เครื่องจริงนั้นเรียบเนียนครับ อาจจะมีพื้นผิวเล็กน้อย (สังเกตได้จากภายด้านซ้าย)

Review-LG-G2 (12)

หน้าจอของ LG G2 โดดเด่นด้วยความเป็น IPS ให้สีที่ค่อนข้างจะสมจริงมากกว่าจออื่น (จอ iPhone ก็เป็น IPS นะ) ถือแล้วดูดีมีชาติตระกูล

Review-LG-G2 (13)

ขนาดโค้งเข้ากับสรีระของข้อมือดีจริง ๆ ครับ เป็นมือถือที่ LG ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (ถ้าผมเผลอซื้อ Optimus G Pro ไปก่อนหน้าคงเซ็งแย่เลย)

Review-LG-G2 (14)

ไฟแสดงสถานะที่หน้าจอก็มีเช่นกันนะครับ

Review-LG-G2 (15)

UX ของ LG G2 ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าค้นหาและประทับใจมากครับ เริ่มตั้งแต่การปลดล็อคหน้าจอที่ดูสวยงาม รวมถึง Effect ทุกอย่างในเครื่อง

Review-LG-G2 (16)

ลูกเล่นกล้องที่สามารถปรับได้หลากหลายโหมด (ตามภาพเลย)

Screenshot-LG-G2 (1)

ทดสอบประสิทธิภาพ LG G2

จากที่ได้รับเครื่องมาลองใช้งานกับ AnTuTu Benchmark พบว่าคะแนนอยู่อันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว เร็วว่า HTC One, Galaxy S4, Galaxy Note 2, Xperia Z, ฯลฯ ซึ่งตอนนั้น Galaxy Note 3 และ Xperia Z1 ยังไม่เปิดตัว (แต่ตอนนี้คะแนนก็ถือว่าพอ ๆ กัน)

หลายคนอาจจะคิดว่ามันเชื่อถือไม่ค่อยได้ จริงครับเพราะทุกค่ายต่างโก่งคะแนนกันสุดฤทธิ์ แต่สิ่งที่หลอกกันไม่ได้ก็คือสเปคที่อยู่ข้างใน เพราะรุ่น TOP เกือบทั้งหมดในตลาดต่างใช้ Hardware ตัวเดียวกันนั่นเอง

ส่วนการใช้งานจริงนั้นบอกได้ตามตรงครับว่า “ลื่นมาก” ไม่มีค้างหรือเอ๋ออะไร ยกเว้นเสียแต่ Internet แอปฯ ที่ฝังมากับเครื่องมันจะค้าง ๆ บ้างเท่านั้นเอง (แต่ไม่เป็นไรผมใช้ Google Chrome)

Screenshot-LG-G2 (2)

Knock-On ฟีเจอร์เด็ด LG G2 ที่ไม่เหมือนใคร

ฟีเจอร์ Knock-On คือการแตะหน้าจอเพียงสองครั้งเพื่อปลดล็อค (ไม่ต้องกด Hard Botton ใด ๆ เลย) ซึ่งหากใครกำลังงง ลองดูที่ทางฝรั่งเขาทำเทียบกับ Moto X ดูครับ

ส่วนตัวผมว่าฟีเจอร์นี้มันเด็ดเอามาก ๆ ตรงที่เราไม่ต้องกดปุ่มอื่นให้เมื่อยหรือยุ่งยากเลย ไม่ต้องบิดนิ้วไปมาเพื่อกดปุ่มด้านข้างเครื่อง สำหรับผมว่ามันเจ๋งมาก ๆ เลยนะ

ส่วนอีกฟีเจอร์นึงที่หลายคนจะคุ้นเคยกันดีกับ Samsung ก็คือ Smart Video หรือก็คือเมื่อเราหันหน้าไปทางอื่น VDO จะหยุดเล่นชั่วคราว

Screenshot-LG-G2 (3)

UI ของ LG G2 ยังคงความน่ารักแบบเกาหลีอีกเช่นเคย และมีให้เลือกประมาณ 2-3 ลายเป็นค่าพื้นฐาน

Screenshot-LG-G2 (4)

Slide Aside, Clip Tray, Smart Screen

Slide Aside คือการปาดด้วยนิ้ว 3 นิ้วลงไปบนจอเมื่อเปิดแอปฯ ใด ๆ ช่วยให้เราสามารถใช้งานแบบ Multi-Task ได้อย่างสะดวก (รึเปล่า?) โดยที่แอปฯ นั้นจะยังคงทำงานอยู่ เราสามารถสลับแอปฯ ด้วยการปาด 3 นิ้วไปมา หรือเลือกที่ Notification Drawer ด้านบนก็ได้ (สำหรับผมว่ามันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ)

Clip Tray คือการ Copy ยกตัวอย่างเช่นข้อความเก็บไว้หลาย ๆ อัน (สูงสุดถึง 20 อัน) วิธีใช้ก็คือลากวางเพื่อ Copy ตามปกติ แต่ตอนจะ Paste มันจะมีให้เลือกทั้ง Paste ปกติและ Paste Tray ซึ่งมันเก็บข้อความไว้ได้หลายชุดเลยทีเดียว แถมยังไม่เฉพาะข้อความยังรวมถึงรูปภาพ ภาพที่จับจากหน้าจอ และอื่น ๆ ได้ด้วย สำหรับคนชอบบันทึกผมว่ามันน่าจะสะดวกนะ แบบเก็บรายงานการประชุมผ่าน Line อะไรพวกนี้ เช่นเพื่อนฝากซื้ออะไรก็ Copy เก็บ ๆ ไว้แล้วมาสรุปลงบันทึกทีเดียว

Smart Screen คือการที่เครื่องจะไม่มีทางพักหน้าจอ หากเรายังมองหน้าจออยู่ เช่นเดียวกับ Samsung เลย ถือว่ามีประโยชน์ดีครับ เวลาเราอ่านเว็บไซต์หรือทำอย่างอื่นนาน ๆ

Screenshot-LG-G2 (6)

Smart World, RemoteCall Service, Safety Care

Smart World สำหรับผมคือขยะที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนัก หลัก ๆ ก็จะเป็นแอปฯ ที่ LG คัดมาให้ (เขาว่างั้น) ส่วน RemoteCall Service ก็จะเป็นการขอความช่วยเหลือสำหรับมือใหม่ พวก “มือถือหนูเป็นอะไรก็ไม่รู้บลา ๆ ๆ” ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วให้เขา Remote เขามาดู ไม่ต้องเดินทางไปศูนย์สะดวกดี (แต่สำหรับผมคงไม่ได้ใช้) และสุดท้าย Safety Care ก็เกี่ยวกับความปลอดภัยในการดูแลลูกหลานหรือทรัพย์สินของเรา การแจ้งเตือนเมื่อออกนอกพื้นที่ ฯลฯ ต้องลองดูครับ

Screenshot-LG-G2 (5)

Life Square, Notebook, Quick Translator

Life Square เป็นแอปฯ ที่แถมมากับเครื่องเป็นเหมือนตัวช่วยบันทึกเรื่องราวว่าวันนึงเราทำอะไรไปบ้าง ใครโทรมาตอนกี่โมง ถ่ายรูปอะไรไปที่ไหน หรือเล่น Social ทำอะไรไป จริง ๆ ถ้าย้อนดูมันก็เหมือน Diary เล่มหนึ่งเลยนะ

Notebook เป็นแอปฯ ที่แถมมากับเครื่องใช้สำหรับขีด ๆ เขียน ๆ จดบันทึกได้ด้วยเลย สามารถซูมเป็นจุด ๆ เพื่อวาดหรือเขียนคำต่อเนื่องได้ แต่ผมคงไม่ใช่เพราะไม่สะดวกมือจริง ๆ

Quick Translator เป็นแอปฯ ที่แถมมากับเครื่อง เป็นตัวช่วยสำหรับแปลภาษา สามารถแปลได้เป็นประโยคหรือเป็นคำก็ได้ครับ ดูจากภาพจะเห็นได้ว่าผมแปลบัตรประกันสุขภาพของตัวเอง ขนาดตัวอักษรเล็ก ๆ เครื่องก็ยังแปลออก รองรับประมาณ 20 กว่าภาษาได้ แปลจากเกาหลี จีน อังกฤษ ญี่ปุ่นเป็นไทยได้ เวลาไปเที่ยงสะดวกดี เพราะจะให้พิมพ์เป็นภาษาจีนหรือญี่ปุ่นผมคงทำไม่ได้ (ฮา)

Camera-By-LG-G2

กล้องของ LG G2

ภาพที่ได้จากกล้องของ LG G2 ค่อนข้างที่จะคมชัดและโฟกัสได้เร็วครับ การถ่ายกลางคืนไม่เป็นอุปสรรค์เลย เพราะตัวเลนส์สามารถจัดการกับแสงรบกวนได้ดีมาก มีโหมดกล้องอัจฉริยะรวมถึงลูกเล่นที่หลากหลายและสามารถถ่าย VDO ความละเอียด1080P ที่ 60fps ได้ครับ (Audio Zoom เสียงคนใน VDO ได้ด้วย) ส่วนกล้องมีระบบ OIS (Optical Image Stabilization) ที่ตัวเลนส์ช่วยให้ลดอาการสั่นได้ทั้งภาพและ VDO ด้วยครับ ดูภาพใหญ่ได้ที่ Google+

ข้อดี

  1. เครื่องแรงระดับโลก ในราคาไม่เกินสองหมื่น
  2. กล้องดีมากและมีกันสั่นในตัว (OIS)
  3. จอใหญ่ในขนาดเครื่องที่ไม่เกะกะ
  4. แบตเตอรี่อยู่ได้เกินวันและเครื่องไม่ร้อน
  5. ฟีเจอร์ Knock-On ใช้ได้จริงและมีประโยชน์มาก
  6. ฟีเจอร์ Quick-Remote ใช้แทนรีโมททีวีได้และสะดวกมาก
  7. รองรับ 4G True (แต่ต้องปลดล็อคการตั้งค่าก่อน)

ข้อเสีย

  1. เปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้ เพิ่มเมมไม่ได้
  2. แอปฯ บางตัวที่แถมมาแทบไม่มีโอกาสได้ใช้งาน
  3. วัสดุเป็นพลาสติกล้วน ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

สรุป

ใช้โดยรวมและเทียบกับราคาแล้วชอบครับ เรียกได้ว่าเป็นรีวิวแรกที่ได้ 5 ดาวจากไอรีวิวเลย หน้าจอสวยมากอีกทั้งกล้องที่มีคุณภาพสูง สเปคเครื่องแรงทั้งในกระดาษและใช้งานจริง หากต้องการซื้อมือถือแล้วใช้งานจริงยาว ๆ แนะนำตัวนี้เลยครับ ราคาไม่ถึงสองหมื่นประทับใจไม่รู้ลืม ผมขอเรียกมันว่า “ตำนานที่กลับมาเกิดอีกครั้งของ LG” ก็แล้วกันครับ

จากเดิมที่ Optimus 4X, G Series, L Series, ฯลฯ ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเลย เห็นทีคงต้องกลับมามอง LG ใหม่อีกครั้งแล้วสิเนี่ย

[message_box title=”ขอขอบคุณ” color=”red”]บริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จํากัด ที่เอื้อเฟื้อส่งสินค้ามาให้ทีมงานได้ทดสอบ[/message_box]