HUAWEI เปิดตัวชิพหลักรุ่นแรกของโลก Huawei TIANGANG เพื่อการใช้งานสำหรับสถานีฐาน 5G โดยเฉพาะ ในงานเปิดตัว 5G ที่กรุงปักกิ่งซึ่งจัดขึ้นเพื่อแถลงความพร้อมสำหรับงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส 2019 ที่เมืองบาร์เซโลน่า โดยชิพใหม่ดังกล่าวสามารถรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G ทั้งแบบที่ไม่ซับซ้อนและเครือข่ายขนาดใหญ่ระดับโลก   ปัจจุบัน บริษัทมีสัญญา 5G เชิงพาณิชย์แล้ว 30 ฉบับ และได้ส่งมอบสถานีฐาน 5G ไปทั่วโลกแล้วกว่า 25,000 ชุด

Ryan-Ding,-Huawei-Executive-Director-of-the-Board-and-Carrier-BG-CEO,-de.._

HUAWEI ตั้งใจที่จะรับเอาความซับซ้อนไว้ที่ตัวเองเพื่อให้การใช้งานของลูกค้าง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้ลงทุนอย่างหนักหน่วงเพื่อเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ชิพ 5G แบบครบวงจรของหัวเว่ยสามารถรองรับเครือข่ายได้ทุกมาตรฐานและทุกคลื่นความถี่ (C band, 3.5G และ 2.6G) ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการไร้สายและคลื่นไมโครเวฟที่ดีที่สุดได้  “หัวเว่ยทุ่มเทลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานมาอย่างยาวนาน เราเป็นบริษัทรายแรกที่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับเทคโนโลยีหลักๆ เพื่อให้เกิดการใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ในวงกว้าง

ปัจจุบัน HUAWEI มีศักยภาพในระดับผู้นำของอุตสาหกรรมที่สามารถส่งมอบเทคโนโลยี 5G แบบครบวงจร ด้วยเครือข่าย 5G ที่ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องดูแลรักษามาก เราเป็นผู้นำในการวางโครงข่าย 5G เชิงพาณิชย์ และกำลังสร้างระบบนิเวศด้านอุตสาหกรรมให้เติบโตเฟื่องฟู

ชิพหลักสำหรับสถานีฐาน 5G รุ่นแรกของโลก

ในงาน HUAWEI ได้เปิดตัวชิพหลักสำหรับ 5G รุ่นแรกของอุตสาหกรรรม ในชื่อ “หัวเว่ยเทียนกัง” มาพร้อมกับนวัตกรรมจากการค้นพบอันยิ่งใหญ่ในด้านการผสมผสานการใช้งาน พลังการประมวลผล และแบนด์วิธคลื่นความถี่ ชิพตัวนี้มี คุณสมบัติด้านการผสานการใช้งานในระดับสูง สามารถรองรับการใช้งานที่ผสานกันระหว่างพาวเวอร์แอมพลิไฟเออร์ (PA) แบบแอคทีฟในสเกลใหญ่และสายอากาศแถวลำดับแบบพาสซีฟ (Passive antennae arrays) กับเสาอากาศขนาดเล็ก ชิพนี้ยังมีความสามารถในการประมวลผลที่สูงเป็นพิเศษ มากกว่าชิพรุ่นก่อนถึง 2.5 เท่า โดยใช้อัลกอริธึ่มล่าสุดและเทคโนโลยี  Beamforming ชิพหนึ่งตัวจึงสามารถควบคุมช่องสัญญาณได้มากถึง 64 ช่อง ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นสูงสุดของอุตสาหกรรม ทั้งยังสามารถรองรับแบนด์วิธคลื่นความถี่ได้สูงถึง 200 เมกะเฮิร์ตซ์ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการใช้งานเครือข่ายในอนาคต

ชิพดังกล่าวยังทำให้เกิดการปรับปรุงอย่างมากมายในส่วนของชุดเสาอากาศแบบแอคทีฟ ด้วยขนาดที่เล็กลง 50% มีน้ำหนักเบาขึ้น 23% และชุดสถานีฐานกินไฟน้อยลง 21% สถานีฐาน 5G รุ่นนี้ใช้เวลาในการติดตั้งใช้งานน้อยกว่าสถานีฐาน 4G ถึงครึ่งหนึ่ง คุณสมบัติดังกล่าวจึงช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เช่น ช่วยลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของและการติดตั้งใช้งานเครือข่าย

โซลูชั่น 5G ที่ใช้งานง่าย เพื่อการติดตั้งใช้งาน 5G ที่รวดเร็ว ครอบคลุมทั่วโลก

HUAWEI ได้เริ่มเปิดใช้งานเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์เมื่อปี 2561 และเป็นผู้นำในการแนะนำผลิตภัณฑ์ 5G เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรออกใช้งาน รวมถึงการทดสอบภาคสนามและรับรองความถูกต้องของเทคโนโลยี 5G และการใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่  ณ สิ้นปี 2561 หัวเว่ยได้ดำเนินการทดสอบและรับรองความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ 5G ก่อนนำออกใช้งานเชิงพาณิชย์ในประเทศจีนเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับการใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์แล้ว

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 สถานีฐาน 5G ของ HUAWEI ได้รับรางวัล First Class Progress in Science and Technology Prize สำหรับความพยายามทุ่มเทจนนำไปสู่การค้นพบครั้งสำคัญทางด้านเทคโนโลยีและการออกแบบโมดูลแบบครบวงจรชุดสถานีฐานทั้งหมดใช้ Blade Form Factor และสามารถประกอบรวมโมดูลต่างๆ เข้าด้วยกันตามต้องการ ทำให้การติดตั้งสถานีฐาน 5G มีความสะดวกง่ายดายเช่นเดียวกับการประกอบบล็อคตัวต่อ

ผลิตภัณฑ์ 5G แบบครบวงจรและรองรับการใช้งานทุกรูปแบบของหัวเว่ยนั้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์การใช้งาน 5G ได้ถึงขีดสุด ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการติดตั้งใช้งานเครือข่าย รวมถึงการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษาได้เป็นอย่างมาก ทำให้การติดตั้งใช้งานเครือข่าย 5G ง่ายดายกว่า 4G

ปัญญาประดิษฐ์สำหรับเครือข่ายเพื่อการขับขี่อัตโนมัติ

ในวันเดียวกัน HUAWEI ยังได้เปิดตัวสวิตซ์ดาต้าเซ็นเตอร์ตัวแรกของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยมันสมองของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI สวิตซ์ดาต้าเซ็นเตอร์นี้เปี่ยมด้วยความสามารถระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม ทำให้ค่า Packet loss ของอีเธอร์เน็ตลดลงเหลือศูนย์และค่าความหน่วงทั้งวงจรน้อยกว่า 10 มิลลิวินาที ใช้พลังงานไม่ถึง 8 วัตต์ ในขณะที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลเหนือกว่าซีพียูเซิร์ฟเวอร์แบบทู-เวย์ 25 เครื่องรวมกัน

HUAWEI ยังได้แนะนำเทคโนโลยี AI แบบครบทุกระดับ (Full-stack AI) ที่ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายด้าน สำหรับใช้ในเครือข่ายการขับขี่อัตโนมัติ และยังได้พัฒนาโซลูชั่น SoftCOM AI เพื่อช่วยผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมศักยภาพของเครือข่าย รวมถึงการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษา ตลอดจนยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้

นอกจากนี้ HUAWEI ยังได้ประกาศเปิดตัวชิพ 5G แบบมัลติโหมดที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับดีไวซ์และอุปกรณ์เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ด้วย

งานโมบายล์เวิลด์คองเกรส2019 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่25-28 กุมภาพันธ์ที่เมืองบาร์เซโลน่าประเทศสเปนภายในงานHUAWEI จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆที่บูธ1H50 Fira Gran Via ฮอลล์1 บูธ3I30 ฮอลล์3 โซนInnovation City ฮอลล์4 บูธ7C21 และ7C31  ฮอลล์7 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.huawei.com/mwc2019/