“ปลั๊กไฟ” และ “รางปลั๊กไฟ” เป็นสิ่งที่ต้องมีกันทุกบ้าน และการที่จะเลือกซื้อปลั๊กไฟมาใช้สักตัว จะต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาในการใช้ปลั๊กไฟต่อพ่วง ดังนั้นในการเลือกซื้อปลั๊กไฟควรเลือกซื้อปลั๊กไฟที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน แล้วจะดูอย่างไรว่าปลั๊กไฟที่จะซื้อมีคุณภาพหรือไม่?

วิธีเลือกซื้อ "ปลั๊กไฟ" และ "รางปลั๊กไฟ"
วิธีเลือกซื้อ “ปลั๊กไฟ” และ “รางปลั๊กไฟ”

วิธีเลือกซื้อ “ปลั๊กไฟ” และ “รางปลั๊กไฟ”

จากรูปภาพเป็นการเปรียบเทียบปลั๊กไฟของ Belkin กับปลั๊กไฟทั่วไป ซึ่งจะเห็นว่าภายในนั้นมีการวางระบบรางไฟไว้ต่างกัน (แต่ข้างบนนี้ก็ยังถือว่าดูดี บางที่ใช้ทองเหลืองเล็กกว่านี้ แถมยังไม่มีฟิวส์ป้องกัน) และปลั๊กส่วนใหญ่ที่ขายในบ้านเราก็ไม่มีระบบสายดิน แต่กลับมีรูสำหรับสายดินไว้ และไม่มีระบบฟิวส์หรือเซอร์กิจเบรกเกอร์ของรางปลั๊กไฟ ซึ่งจะทำหน้าที่ตัดไฟหากมีการใช้ไฟเกินขนาด

แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลั๊กไฟที่ใช้อยู่จะมีมาตรฐาน และได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินตราบที่ใช้ปลั๊กไฟอยู่?

วันนี้จึงมีหลักง่าย ๆ ที่จะช่วยเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อปลั๊กไฟค่ะ

1. มอก. อันดับแรกที่จะขาดไม่ได้สำหรับการเลือกซื้อปลั๊กไฟ ก็ควรจะต้องดูว่าปลั๊กไฟตัวนั้นได้รับ มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) หรือได้รับมาตรฐานสากลเช่น CE TUV CCC CQC ซึ่งรางปลั๊กไฟที่ได้รับ มอก. ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนที่เป็นสายไฟ คือ มอก. 11-2531 คือ มอก. สายไฟหุ้มฉนวนทองแดง PVC รองรับอุณหภูมิที่ 70 องศาเซลเซียส

2. สายไฟ สำหรับสายไฟของชุดสายพ่วงต้องมีฉนวนหุ้ม 2 ชั้น รวมถึงเต้าเสียบและเต้ารับมีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 250 โวลต์ รวมถึงรางเต้ารับผลิตจากพลาสติกเอวีซี (AVC) ซึ่งเนื้อพลาสติกจะเนียนและทนต่อความร้อนได้ดีกว่าพลาสติกพีวีซี (PVC) จึงช่วยลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้กรณีเกิดความร้อนสูงที่ปลั๊กไฟสายพ่วง ซึ่งในการเลือกปลั๊กไฟก็ควรจะต้องดูขนาดของสายไฟด้วย หากจะะนำไปใช้ต่อพ่วงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินกำลังไฟมาก ก็ควรเลือกสายไฟให้มีขนาดที่ใหญ่พอจะส่งกำลังไฟไปได้เช่นกัน

ค่าขนาดสายที่ปลอดภัย

  • สายขนาด 0.5 sqmm. จะใช้ได้กับเครื่องไฟฟ้าสูงสุด ไม่เกิน 1,200 วัตต์ (โดยประมาณ)
  • สายขนาด 1.0 sqmm. จะใช้ได้กับเครื่องไฟฟ้าสูงสุด ไม่เกิน 2,200 วัตต์ (โดยประมาณ)

3. วัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมไปถึงความแข็งแรงของปลั๊กไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถพิจารณาได้ง่ายที่สุด อาจใช้การเขย่าเพื่อฟังเสียงว่าอาจมีอุปกรณ์ภายในที่ทำไว้ไม่เรียบร้อย ซึ่งหากหลุดออกมาก็อาจทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงตามมาได้ สำหรับวัสดุที่ใช้ในการนำไฟ ควรเป็นทองแดงหรือทองเหลืองเท่านั้น เพราะเป็นวัตถุที่นำกระแสไฟฟ้าได้ดี หากใช้วัตถุอื่น (เช่น เหล็กชุบสีหรือโลหะอื่น) อาจจะทำให้เกิดความร้อนสะสมและไฟฟ้าลัดวงจรได้ สำหรับตัวปลั๊กถ้าเป็นไปได้ควรเลือกพลาสติก ABS หรือ โพลี คาร์บอเนต ที่เป็นพลาสติกคุณภาพสูง เพราะสามารถทนความร้อนและรอยขีดข่วนได้ดี

4. มีสวิตซ์เปิด-ปิด เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล

5. มีสายดินหรือไม่ สายดินก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ในกรณีที่เกิดไฟชอร์ตหรือไฟรั่ว กระแสไฟเหล่านั้นก็จะไหลผ่านเข้าไปที่สายดินแทน ทำให้เราไม่ได้รับอันตรายจากการเกิดไฟรั่ว ซึ่งในการเลือกปลั๊กไฟนั้น บางยี่ห้อมีรูสำหรับสายดินแต่หากแกะดูภายในจริง ๆ จะพบว่าไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงรูเปล่าที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น

6. ระบบฟิวส์หรือเซอร์กิจเบรกเกอร์ ที่จะช่วยตัดกระแสไฟฟ้าหากใช้ไฟเกินขนาดที่กำหนด เมื่อมีการใช้กระแสไฟฟ้าสูงเกินกว่าที่สายไฟฟ้าจะทนได้ จนเกิดความร้อนสะสมขึ้นอาจทำความเสียหายต่อสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า เซอร์กิตเบรกเกอร์จะทำการตัดกระแสไฟฟ้าออกจากระบบโดยอัตโนมัติ หรือฟิวส์จะขาดเพื่อตัดกระแสไฟ

7. ป้องกันไฟกระชากได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ต่อพ่วงในกรณีที่เกิดไฟกระชาก ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น คอมพิวเตอร์

8. ม่านเปิด-ปิดรูปลั๊กไฟ ซึ่งอาจไม่ได้ดูสำคัญสำหรับบางคน แต่หากพูดถึงบ้านที่มีเด็กมันก็ค่อนข้างสำคัญมากเลยนะคะ เพราะจะช่วยป้องกันอันตรายจากเด็กที่อาจใช้ในจิ้มลงไปในรูปลั๊ก (อันนี้ตอนเด็ก ๆ เคยทำมาก่อน เพราะซนมาก โชคดีที่ไม่เป็นอะไร >_<) รวมไปถึงฝุ่นสะสมตกลงไปในรูปลั๊ก

สำหรับใครที่เลือกซื้อปลั๊กไฟต่อพ่วงอยู่ก็ลองเลือกซื้อตามหัวข้อพื้นฐานที่กล่าวมาดูนะคะ แม้ว่าราคาอาจจะแพงไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว มันคุ้มค่ากว่ากันเยอะเลยค่ะ หรือถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าจะเลือกซื้อปลั๊กพ่วงตัวไหนดี ก็ลองดู ปลั๊กไฟ Belkin ก็ได้ค่ะ

  • ราคาไม่แพงมาก (ปลั๊กไฟไม่ได้เปลี่ยนกันทุกปี)
  • รับประกันตลอดอายุการใช้งาน
  • มีวงเงินคุ้มครองความเสียหายจากไฟฟ้าด้วย

ส่วนแบรนด์อื่นก็ยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้พูดถึงค่ะ แต่ที่แน่ ๆ หากวัดอายุการใช้งานรวมถึงความปลอดภัยแล้ว ปลั๊กแบรนด์ย่อมดีและคุ้มกว่าปลั๊กขาวสวิตซ์แดงที่ขายกันตามท้องตลาดอย่างแน่นอนค่ะ แต่ถ้าหากใครยังหาแหล่งซื้อปลั๊กไฟดี ๆ ยังไม่ได้ แนะนำ plugthai.com ร้านนี้ก็มีปลั๊ก Belkin ขายค่ะ